MISSION 1.5 : 0-8-4 [S.I.S.T.T.H.D]

Someone’s Slipping

Through The Hidden Door

 
 
 
avatar.org 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
        “คุณพร้อมจะสละชีวิตขณะปฏิบัติภารกิจหรือไม่?”
        “พร้อม”
        “คุณพร้อมที่จะฆ่าคนไหม?”
        “พร้อมครับ”
        “คุณพร้อมที่จะก่อวินาศกรรมซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินสิ่งแวดล้อมส่วนรวมและอาจจะคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์หรือไม่?”
        “พร้อมครับ”
        “คำถามสุดท้ายขอให้คุณตอบว่า’ใช่’หรือ’ไม่ใช่’ ..ถ้าผมบอกคุณว่าหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสิบเอ็ดคำตอบนั้นคือคำตอบที่ถูกต้องใช่หรือไม่?”
        “ใช่”
        “คุณมีอะไรจะถามผมไหมครับ?”
        “ไม่ครับ”

 

 

 

        เสื้อสีขาวถูกสวมทับด้วยเสื้อสีขาว มือทั้งสองข้างอยู่ภายใต้ถุงมืออนามัยสีขาวขุ่น เส้นผมถูกรวบไว้ด้านหลัง เบื้องหน้าคือผู้ล่วงลับทั้งสองที่นอนนิ่งในสภาพเปลือยเปล่า ผิวหนังซูบซีดบัดนี้เริ่มมีชีวิตชีวาอีกครั้งเพราะน้ำยาฉีดเรักษาสภาพซึ่งมีสีแดงผสมอยู่ รอยกรีดเล็กๆ บริเวณช่วงคอยังเห็นชัด แม้จะมีการตรวจสอบไปแล้วแต่เขาต้องการตรวจสอบให้แน่ใจอีกครั้งด้วยตาของตัวเอง
         นั้นคือเหตุการณ์ก่อนหน้านี้สองชั่วโมง หลังจากกลับขึ้นมาจากห้องแล็ป ฮาร์เปอร์อ่านข้อมูลของเอกสารและเปิดฟังเสียงจากเทปบันทึกอีกครั้ง หลังจากลงพื้นที่และนำหลักฐานที่ได้ทั้งหมดมาตรวจสอบ Tech Expert ของทีมพบไฟล์ซ่อนอยู่ในไดร์ฟข้อมูล เมื่อถอดรหัสออกมาแล้วพบเป็นไฟล์เสียงจากเทปบันทึก เสียงแตกซ่าเหมือนเทปคาสเซ็ทเก่า ๆ ทำให้ถ้อยคำของผู้เป็นกัปตันเรือกระท่อนกระแท่นแต่พอจับใจความได้
        เรือขนส่งสินค้าที่บรรทุกวัตถุต้องสงสัย แล่นข้ามน่านน้ำมีเหตุให้อับปางลงทั้งสิ้น  ทั้งจากปรากฏการทางธรรมชาติ คราเคน อสุรกายในท้องทะเลลึก หรือแม้แต่การปล้นชิงจากกลุ่มโจรสลัด โดยพวกเขาเชื่อว่าเป็นการพิโรจของเทพเจ้าที่ถูกขโมยอาวุธไป ‘มันคือคำสาป มันเป็นอาถรรพ์ ใครที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมันจะมีอันเป็นไป’….  แม้ในตอนนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า 0-8-4 คืออะไร แต่อย่างน้อยก็ได้เบาะแสกลับมา
        ในส่วนของการพิสูจน์ศพของเจ้าหน้าที่ไบโอของทีม พวกเขาพบเเม่เหล็กกระตุ้นหัวใจฝังอยู่ภายในร่างกาย พบการสอดใส่สายซึ่งมีขั้วไฟฟ้าเล็กๆ ที่ปลายสายเข้าทางหลอดเลือดดำใต้กระดูกไหปลาร้าด้านซ้าย ซึ่งปลายสายอยู่ในห้องหัวใจด้านขวาห้องบน ส่วนปลายสายอีกด้านต่อเข้าที่เครื่องกระตุ้นให้จังหวะหัวใจ ซึ่งจะถูกฝั่งไว้ใต้ผิวหนังบริเวณใต้กระดูกไหปลาร้า โดยเครื่องกระตุ้นให้จังหวะหัวใจจะรับสัญญาณไฟฟ้าของหัวใจผ่านทางสายตลอดเวลา  นี้คือข้อมูลทั้งหมดที่ได้มาในตอนน้ี ก่อนในเวลาเกือบตีสาม เจ้าหน้าที่จากส่วนกลางแจ้งมาว่ามีคนลักลอบเข้าศพที่พวกเขาเก็บเอาไว้ในห้องแล็ป คนร้ายเลือกใช้โซดาไฟและกรดซัลฟูริค ทำลายศพในช่วงเวลาสับเปลี่ยนเวรยาม ปฏิกริยาเคมีทำให้เกิดไฟไหม้และสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น สภาพศพเสียหายบางส่วนโดยเฉพาะเนื้อเยี้อซึ่งถูกเผาและกัดกร่อนไป เบื้องต้นใช้น้ำชะล้างสารเคมีทำให้เนื้อบางส่วนทำให้หลุดลอกออกไปแต่มันก็ถูกเก็บเอา ไว้เป็นอย่างดี
         เสียงโทรศัพท์ต่อสายจากส่วนกลางดังขึ้นเมื่อพระอาทิตย์เริ่มพ้นขอบฟ้า เขากดรับก่อนได้รับแจ้งว่าเป็นเบอร์ติดต่อมาจากโรงพยาบาล เอกสารสีเทาอ่อนถูกวางลงเพื่อรับสาย ทางปลายสายแจ้งข้อมูลอุบัติเหตุของแมทเธโอ มุราคามิ ซึ่งผู้ป่วยได้แจ้งทางโรงพยาบาลว่าเขาเป็นญาติ
         แมทเธโอ มุราคามิ ผู้ไร้ความสารารถในการแสดงเป็นเด็กช่างไฟให้เป็นมิตรเพื่อพูดคุยกับผู้อื่นจนต้องเปลี่ยนบทบาทการแสดง ซึ่งถือเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ดี และเป็นการนำปัญหามาให้ทีมเพราะบทบาทถูกเปลี่ยนโดยฉับพลันและไม่บอกกล่าวผู้ร่วมทีมผู้อื่นที่ถือข้อมูลเดียวกันเอาไว้ น่าแปลกใจที่ในประวัติระบุมาว่ามุราคามิมีประสบการณ์ทำงานมาก่อน
        ดวงตาสีอ่อนขยับคิดเพียงครู่หนึ่ง …อุบัติเหตุและแจ้งมาทางชีลด์ เสียงราบเรียบอย่างปรกติเอ่ยกลับยังปลายสายที่ถือค้าง “โรงพยาบาลอะไร? เป็นอะไรมากหรือเปล่า? ห้องไหน? VIP ไหม… ถ้าไม่ก็เปลี่ยนซะ” ไม่ช้าปลายสายให้ข้อมูลตามที่ถามไป ห้องเดี่ยวธรรมดาราคาถูก คนเจ็บต้องอยู่โรงพยาบาลสองวันและมีตำรวจมาสอบปากคำ
        ยังไม่มีการตอบรับเรื่องเปลี่ยนห้องเป็นแบบพิเศษ  ข้อมูลที่ได้สำหรับอาการป่วยมีเพียงน้อยนิดแทบจะทันทีฮาร์เปอร์ขอคุยกับผู้ป่วยขณะดึงหน้าจอโฮโลแกรมเข้าหาตัวแล้วเช็คข้อมูลอุบัติเหตุและโรงพยาบาล ไม่ช้าปลายสายก็ถูกโอนไปยังห้องผู้รับเข้ารักษา หากแต่น้ำเสียงของผู้รับสายนั้น… ไม่ใช่น้ำเสียงที่คุ้นเคย
       “ฮัลโหล…”
       “แมทตี้?” จงใจเรียกชื่อคนที่เขาขอสายอย่างสนิทสนม ขณะที่อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ
       “แมทตี้หลับอยู่ ไว้คุณค่อยโทรมาใหม่แล้วกัน” ผู้เป็นหัวหน้าทีมมองข้อมูลที่ปรากฏบนหน้าจอโฮโลแกรมขณะสายถูกวางไปทั้งๆที่เขายังไม่ได้ตอบ เหตุการณ์และชื่อโรงพยาบาลนั้นมีอยู่จริง เขายกโทรติดต่อกับโรงพยาบาลอีกครั้งตามเบอร์ที่ให้ไว้ในหน้าเว็ปไซต์เพื่อถามหาผู้ป่วยชื่อแมทเธโอ มุราคามิ เพื่อสอบถามเวลาที่สามารถเข้าเยี่ยมได้ซึ่งปลายสายแจ้งข้อมูลว่าสามารถเข้าเยี่ยมได้ถึง 10:00PM สิ่งที่คิดได้คือคงเป็นใครสักคน ที่อาจจะเป็นญาติหรือคนรู้จักรับสาย เขายังไม่สนิทกับมุราคามิมากนัก อีกหลายสิ่งที่ยังไม่รู้ แต่นั้นก็ทำให้เขาเบาใจอย่าง อย่าน้อยก็คนคอยดูแลมุราคามิอยู่
 

 

 

           กระเช่าของฝากอัดแน่นไปด้วยขนม แสงแดดในช่วงค่อนข้างแรงในวันที่ฟ้าโปร่ง รถสีขาวมุ่งออกจากทริสเคเลี่ยนไปที่โรงพยาบาล ฮาร์เปอร์เดินไปตามทางห้องของผู้ป่วยที่ได้รับแจ้งเอาไว้ มือสีซีดยกเคาะประตูห้องที่มีใบรายชื่อสอดไว้ว่า แมทเธโอ มุราคามิ ทว่าไม่มีเสียงตอบรับจากด้านใน คงจะหลับ แต่ยังอยู่ในช่วงเวลาที่เข้าเยี่ยมได้ ไม่ช้าลูกบิดประตูก็ถูกหมุนอย่างวิสาสะพร้อมกับการแทรกตัวเข้าไปเงียบเชียบ ปลายเท้าหยุดหน้าเตียงดวงตาตวัดพิจารณาใบหน้าคนเจ็บ กายภาพภายนอกมีเพียงรอยฟกช้ำเท่านั้นและรอยบวมที่ศีรษะ เคลื่อนตัวเงียบๆเพื่อวางกระเช่าของฝากที่โต๊ะตัวเล็กด้านขวาของเตียง ก่อนจะหยุดชะงักแล้วหันไปตามแรงดึงของข้อมือ
           “สวัสดี.. แมทตี้” สัญญาณมือแบบง่ายๆวาดไปในอากาศว่าอาจมือเครื่องดักฟังพร้อมกับการยันตัวลุกของผู้ป่วย ฮาร์เปอร์พยักหน้ายิ้มรับเล็กน้อย 
           “อาการเป็นยังไงบ้างครับ เบื่อกลิ่นยาฆ่าเชื้อหรือยัง หืม?”
           “ผมอยากกลับบ้านแล้วอาไมค์ นอนมากจนปวดหัวแล้ว แล้วก็มีคนมาเฝ้าทั้งวัน”  เนียน.. แม้กระทั้งกริยาที่ค่อย ๆ เบื้อนหน้าไปทางประตูห้องซึ่งมีเงาคนด้านนอก 
           “มีพยาบาลสาวๆสวยๆมาดูแลไม่ดีหรือไงหลานชาย จะได้มีแฟนกับเขาเสียที” เขาหันไปที่ประตูอีกครั้งพลางครุ่นคิดกับเสียงคนรับสาย และอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น …จักรยานล้มและมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวชน 
           “ตกลงอาเป็นห่วงผม หรืออาจะมาส่องพยาบาลครับ …. นี่ไม่ได้มารับผมกลับบ้านเหรอ?”
           “กลับบ้านเหรอ หืม.. สาวผมแดงที่ประชาสัมพันธ์ก็น่ารักดีนะ”  เขาทำทีเป็นแกะของเยี่ยมผู้ป่วยทานก่อนหยิบโทรศัทพ์แล้วชี้ชวนให้อีกฝ่ายดูรูปของสาวผมแดงที่ไม่มีอยู่จริง ’ที่พักของคุณคงไม่ปลอดภัย’ มุราคามิทำทีเป็นมองภาพจะพยักหน้าตอบรับ พวกเขาแสร้งคุยกันต่ออีกเล็กน้อยด้วยบทสนทนาของ อา-หลาน มุราคามิแจ้งว่าได้รับยาบางอย่างผ่านทางน้ำเกลือทำให้ง่วงตลอดเวลา และถูกห้ามให้รับสายโทรศัทพ์จากเขาในตอนเช้า จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้กระเป๋าเงินและโทรศัพท์ถูกขโมยไปรวมถึง ….. “ขนมที่ซื้อมาหายไปหมดเลย” ผู้ร่วมทีมจากแผนก Tech Expert บอกมาแบบนั้นรวมถึงบ่นอุบถึงจักรยานที่ถูกตำรวจยึดไป พวกเขาตัดสินใจออกจากโรงพยาบาลด้วยเหตุผลที่ว่าต้องการพักที่อื่นและมีพยาบาลส่วนตัว การจัดการเอกสารและเคลียร์ค่าใช้จ่ายไม่ได้ยุ่งยาก ฮาร์เปอร์ส่งข้อความรหัสไปยังหน่วยภาคงสนามให้เข้ามาจัดการและสืบหาข้อมูลของผู้ต้องสงสัยตามอยู่ที่ให้ไป
           สพรรนามเรียกอีกฝ่ายถูกเปลี่ยนเมื่อพวกเขาทั้งสองอยู่กันตามลำพัง ฮาร์เปอร์ตัดสินใจยังไม่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องเเล็ปให้มุราคามิฟังในตอนนี้ เขาขอให้อีกฝ่ายเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟังอย่างละเอียดอีกครั้งเมื่อพวกเขาทั้งสองเข้ามาอยู่ในรถหลังจากตรวจสอบแล้วว่าไม่มีเครื่องดักฟัง
          “น่าจะมีคนตามผมอยู่นะครับ.. มีอะไรบางอย่างดูแปลกตา กับจักรยานของผมที่จอดอยู่หน้าร้านค้า … ผมว่าน็อตตัวใหญ่มันหลุดออกมา ก่อนที่จะถูกมอเตอร์ไซค์คันนั้นเฉี่ยวท้าย และกระเป๋าเป้ผมหายไป… แต่โชคดีที่ผมไม่ได้เอาโน้ตบุคหรือเอกสารอะไรกลับบ้าน เพราะตั้งใจจะไปซื้อของ”
          “ก่อนหน้านี้คุณมีปัญหากับใครหรือเปล่า อาจจะเป็นเรื่องชู้สาวคิดยังไงถึงโทรหาผมครับ?” รถทะยานออกจากโรงพยาบาล เขายิ้มก่อนเหลือบไปมองกระจกส่องท้ายของเห็นรถรถแวนสีน้ำเงินสำหรับส่งของไร้ป้ายทะเบียน ผสมกับการได้ยินเสียงพูดที่แทบจะเรียกว่าตะโกนของมุราคามิ
           “……. ปัญหาชู้สาวที่แมนฮัตตันน่ะสิครับ!! หัวหน้าไม่คิดว่าพวกนั้นจะตามมาบ้างเหรอครับ ผมอาจจะโดนหมายหัวที่ไปขโมยข้อมูลพวกนั้นมา … แล้วเวลามีเรื่องเกิดขึ้น ก็ต้องรายงานหัวหน้า มันเป็นระเบียบอยู่แล้วนี่ครับ” ฮาร์เปอร์หัวเราะเบาๆในลำคอกับความรอบครอบที่พึงมี แล้วเหยียบคันเร่งของรถโดยไม่สนใจท่าทีของผู้ร่วมทางที่ผวาคว้าจับเบาะไว้แน่น
           “ตอนนี้คุณอยากไปที่ปลอดภัยที่ไหนครับ แล้วข้อมูลสำคัญที่ต้องเก็บรักษาของคุณอยู่ติดตัวคุณหรือเปล่า?” มีคนตามมาและไม่แน่ว่ามันอาจจะตามตลอดไป เขาแน่ใจทีเดียวว่าผู้ติดตามต้องการเอกสารหรือข้อมูลเกี่ยวกับ 0-8-4 
           “ผมอยากกลับไปที่ห้องผมก่อนครับ” เมื่อจุดหมายเส้นทางถูกระบุผู้ขับก็หักเลี้ยวรถที่หัวมุมของถนนขณะคำนวนหาเส้นทางที่จะใช้หลังจากที่เคยไปที่พักอีกฝ่ายมาครั้งหนึ่ง 
           “มีคนตามผมมาตั้งแต่ออกจากทริสเคเลี่ยนถ้าจะไปที่พักคุณ ผมมีความเห็นว่าคงต้องรีบและไม่ได้ใช้เส้นทางแบบปรกติ” ตัดสินใจบอกเรื่องรถแวน ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่อีกฝ่ายมีท่าทีกระวนกระวายเหมือนเด็กหลังจากหันไปมองที่ด้านหลังรถ นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ฮาร์เปอร์ยังไม่ตัดสินใจบอกเรื่องศพในห้องแล็ป
            “เอายังไงก็ได้ครับ ไปให้ถึงเถอะ!! ขับเร็วๆครับ!!”
           “ใจเย็นๆครับ ถ้าเร่งผมมาก ผมจะตกใจแล้วทำรถพลิกคว่ำ”  ถนนคราคร่ำไปด้วยรถในช่วงสายของวัน ไม่ใช่เรื่องดีหากเร่งรถไปตามคำขอ ฮาร์เปอร์คิดพลางแซงปาดหน้ารถสองคันแล้วเลี้ยวเขาตรอกเล็กๆที่ทะลุออกไปถนนอีกเส้น เขามองไปที่ทางข้างหน้าโดยไม่ได้มองคนที่นั่งอยู่ข้างๆซึ่งคอยหันไปมองด้านหลังตลอด
            รถแวนคันนั้นตามมาไม่ลดละ ฮาร์เปอร์ตัดสินใจเลิกเหยียบคันเร่งก่อนจะเปลี่ยนมาขับช้าๆ ปล่อยให้รถด้านหลังเบียดรถของเขาตกไปอยู่อีกเลนกับรถแวนแล้วคอยให้รถคันอื่นในท้องถนนดันรถคันสีน้ำเงินไปตามทางข้างหน้าด้วยความเร่งรีบเพื่อจะให้ไปถึงก่อนไฟแดง  ทำให้จากการเป็นผู้ถูกตามกลายเป็นผู้ติดตามแทน …แบบนี้คงไม่ถูกตามสักระยะ
            “มิสเตอร์มุราคามิผมอยากให้คุณติดต่อเเท็กซี่ให้มารับเราสองคนในอีกสองไฟแดงหน้า บอกเขาไปว่าอีกสิบนาทีเจอกัน” หันไปบอกคนที่นั่งอยู่ข้างคนขับก่อนเขาจะถูกเร่งอีกครั้ง 
            “ขอโทรศัพท์คุณครับ เร็วๆ” ฮาร์เปอร์พยักพเยิดหน้าไปทางคอนโชลเกียร์ที่โทรศัพท์วางอยู่ แต่ยังไม่ล่ะสายตาไปจากรถแวนสีน้ำเงินที่ยังอยู่ข้างหน้า เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าท้ายรถมีสติกเกอร์รูปปลาฉลามติดอยู่ 
            “พูดกับโชเฟอร์ดีๆนะครับ ผมไม่อยากได้ยินว่าเขาปฏิเสธผู้โดยสาร” เขายังขับรถไปเรื่อยๆ ขณะที่มุราคามิหยิบโทรศัพท์ไปโทร 
             “เรียบร้อยแล้วครับ! จะมีรถมารอตรงป้ายจอดห่างไปสองบล็อค แล้วหัวหน้าจะทำอะไรน่ะครับ?” น้ำเสียงอันดังและดูร้อนรนยังคงดังมาต่อเนื่อง เมื่อพวกเขาเลยไฟแดงไปหนึ่งแยก 
            “เปลี่ยนรถ คุณคงไม่อยากให้เพื่อนผู้แสนดีของเราตามไปทุกที่นะครับ”  ฮาร์เปอร์ขับรถต่อไปจนถึงจุดนัด  เบี่ยงรถจอดที่หน้าสำนักงานแห่งหนึ่งให้คล้ายมาทำธุระแล้วกดรหัสเซฟที่อยู่ในรถหยิบปืนเก็บเสียงออกมาแล้วเดินไปยังจุดนัดหมาย ลงจากรถแล้วเดินตามไป ขณะครุ่นคิดถึงรถแวนสีน้ำเงินคันนั้นมันมีสติกเกอร์รูปลาฉลามที่ท้ายรถ ก่อนจะรู้ตัวอีกทีว่าสมาธิทุ่มไปอยู่ที่รถแวนจนหมดก็เมื่อเขาสื่อสารกับมุราคามิผิดพลาด
             “ถึงแล้วครับ!!” แมทเธโอ มุราคามิ ยังคงพูดด้วยเสียงอันดังพร้อมคิ้วที่ขมวดเป็นปมก่อนรีบร้อนลงจากรถไปเมื่อแท็กซี่มาจอดหน้าอพาร์ทเมนต์ เขามองตามแผ่นหลังนั้นไปก่อนหันไปบอกคนขับรถให้รอรับเขา หลังจากจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วจึงตามออกไป
             หลังจากลิฟท์พาขึ้นมาที่ชั้นห้า ภาพตรงหน้าคือมุราคามิดึงดึงคีย์การ์ดออกมาเพื่อจะเปิดประตูก่อนอุทานเสียงเบาเมื่อเห็นว่าประตูถูกแง้มอยู่ก่อนแล้ว ฮาร์เปอร์คว้าแขนของอีกฝ่ายเอาไว้เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวตั้งใจจะก้าวเข้าไปในห้อง เขาใช้มืออีกข้างแตะกระบอกปืนที่เหน็บไว้ด้านหลังแล้วเปลี่ยนเป็นคนแรกที่ก้าวเข้าไปในห้องช้าๆ โสตประสาททำให้ได้ยินเสียงรองเท้าที่เดินตามมา
             “มีประตูห้องนอนกับมุมห้องครัวอยู่ทางซ้ายครับ มีระเบียงทางขวา” เสียงกระซิบเบาดังจากด้านหลัง ระเบียงของห้องยังปิดสนิทเมื่อกวาดมองทั่วห้องแรกที่เข้าไปเขายังไม่พบอะไรผิดปรกติ ก่อนปลายเท้าจะขยับเข้าหาประตูห้องนอนพลางกะชับมือกับกระบอกปืน มือไล้ลูกบิดเย็นๆ ก่อนบิดเปิดเข้าไปขณะที่เจ้าของห้องพุ่งตัวไปที่คอมพิวเตอร์สามสี่เครื่องที่มุมห้องอีกด้านเพื่อสำรวจว่ามีอะไรผิดสังเกตหรือไม่
            เมื่อประดูห้องถูกเหวี่ยงออก เขาพุ่งตัวผ่านบานประตูเข้าไปขณะอยู่ในท่าพร้อมยิง ภายในห้องมีร่องรอยการรื้อค้นจนเละ หน้าต่างถูกเปิดเอาไว้ม่านปลิวสะบัดไปตามแรงลม ฮาร์เปอร์ก้าวเท้ายาวเข้าไปยังบริเวณขอบหน้าต่างเพื่อก้มมองก่อนเสียงกระสุนนัดแรกตามด้วยนัดที่สองจะดังขึ้น เขาเล็งไปยังชายชุดดำสองคนที่ปืนลงไปตามบันไดหนีไฟไม่ช้าจึงถูกยิงสวนขึ้นมา แทบจะทันทีเขาเบี่ยงตัวหลบเข้าที่หลังกำแพง เสียงปืนเรียกให้เจ้าของห้องวิ่งเข้ามา โดยไม่ให้เสียเวลาเขาบอกให้อีกฝ่ายเก็บของที่จำเป็นแล้วลงไปรอข้างล่างที่รถแท็กซี่คันเดิมจอดรออยู่แล้วจึงยิงสวนกลับลงไปก่อนกระโจนออกไปทางหน้าต่างตามลงไปที่บันไดหนีไฟเพื่อตามชายทั้งสองคนให้ทัน
            ตะแกรงเหล็กผุเก่าและส่งเสียงกึกกักทุกครั้งวิ่ง มันดังแข่งกับเสียงกระสุนที่ยิงสวนขึ้นมา ไม่ช้าคนพวกนั้นก็หยุดยิงและวิ่งไปตามทางเท้าของพื้นคอนกรีตที่ทอดสู่ถนนใหญ่ เท้าทั้งสองข้างขยับสลับปีนป่ายลงบันไดตามไปไม่ลดล่ะและเมื่อมันเหยียบถึงพื้นเสียงของปืนก็ดังขึ้นอีกครั้งแต่ดูท่าฝ่ายตรงข้ามทำเพียงยิงสกัดไม่ให้ตามทันเท่านั้น เขาวิ่งตามพวกมันไปพลันรถแวนสีน้ำเงินคันเดิมก็พุ่งออกมาจากหัวมุม มันขับใต่ขึ้นทางเท้าแล้วพุ่งเข้ามาหาเขาด้วยความรวดเร็วคล้ายหมายพุ่งชน ก่อนหักเลี้ยวตีโค้งเหวี่ยงประตูท้ายออกเพื่อให้ชายทั้งสองกระโดดขึ้นแล้วขับหนีไป… กวนตีน ฮาร์เปอร์สถบทออกมาในใจอย่างเงียบงัน  
            “หัวหน้าปลอดภัยดีใช่มั้ยครับ” เสียงที่ดังขึ้นเป็นของมุราคามิซึ่งวิ่งมาในช่วงท้ายเมื่อรถคันสีน้ำเงินจากไปแล้ว เขาถือโอกาสมองประเมินสภาพร่างกายของอีกฝ่ายซึ่งดูไม่แย่ไปมากกว่าเดิมก่อนจะพยักหน้าตอบคำถาม  
           “มีอะไรหายไหม?”
           “ผมไม่มีเวลาสำรวจมากนักครับ ห่วงแต่ข้อมูลในคอม เลยสนใจแต่ตรงนั้น …. เหมือนพวกเราจะไปถึงทันเวลานะครับ” เขามองย้อนกลับไปที่หน้าต่างบานที่กระโจนออกมาก่อนถามอีกคำถามหนึ่ง
           “พวกมันคงไม่ย้อนกลับมาในตอนนี้ คุณอยากขึ้นไปสำรวจอะไรไหม?”
           “ไม่เป็นไรครับ ผมเก็บของที่จำเป็นมาหมดแล้ว รวมทั้งอาหารเย็นผมว่าจะไปค้างที่ชีลด์สักพัก” เขาพยักหน้าอีกทีก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงปรกติเมื่อเห็นว่าเวลานี้เหมาะสมที่จะแจ้งข่าว
           “ช่วงเช้าก่อนที่คุณติดต่อมา มีคนแอบเข้ามาทำลาย’ของ’ทั้งสองในห้องแล็ป” ผู้เป็นหัวหน้าหลีกเลี่ยงใช้คำว่าศพ พลางกวาดตามองหาแท็กซี่ที่บอกให้รอแต่คาดว่าคงหนีไปแล้วเพราะเสียงปีน
           “หัวหน้าจะบอกว่าแม้แต่ที่ทริสเคเลี่ยนก็ไม่ปลอดภัยเหรอครับ?”
          “ไม่มีที่ไหนปลอดภัยสำหรับคุณตั้งแต่ที่ก้าวเข้ามาในชีลด์แล้ว มิสเตอร์มุราคามิ”
          “ เอาเถอะครับ ที่นั่นยังไงก็คงปลอดภัยกว่าห้องผมตอนนี้ คงต้องขอให้ทีมเก็บกวาดมาสำรวจก่อน ผมถึงจะกลับมานอน” ผู้เป็นสมาชิกทีมถอนหายใจเฮือก  แล้วลากกระเป๋าไปอีกทางนึงก่อนที่เขาจะเดินไปโบกรถสักคันเพื่อไปส่งยังที่ที่เขาเองจอดรถทิ้งไว้ แต่ไม่นานนัก แมทเธโอ มุราคามิ ก็ร้องทักอีกครั้ง
          “จะโบกทำไมครับ…ไปรถผมนี่” เป็นเรื่องน่าประหลาดใจเล็กน้อย ที่อีกฝ่ายมีรถยนต์ส่วนตัวใช้เพราะบุคลิคเหมาะกับพวกรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเสียมากกว่า พวกเขาคุยกันอีกเล็กน้อยเรื่องการติดต่อและโทรศัพท์ที่หายไป 
          “เดี๋ยวผมไปเบิกเครื่องใหม่ที่แอดมินครับ โหลดทุกอย่างลงไปใหม่ แล้วจะแจ้งเบอร์ให้ทราบ” โชคดีที่แถบนั้นไม่มีคนพลุกพล่านเท่าไหร่ และปืนที่เขาใช้ก็เก็บเสียง เขาติดต่อให้เจ้าหน้าที่ส่วนกลางเข้ามาเคลียร์พื้นที่หลังจากนั้น ก่อนจะขึ้นรถไปกับมุราคามิแล้วขอให้ไปส่งเขาในที่เดิมที่จอดรถเอาไว้
         “ให้ผมขับไหมครับ?” เขาถามตอนรถยังไม่ขึ้นถนนใหญ่เพราะท่าทีเก้ๆกังๆของเจ้าของรถ ทั้งตามตัวยังมีแผลจึงอดเป็นห่วงไม่ได้
         “ไม่เอาครับ เดี๋ยวหัวหน้าเหยียบรถผมพัง ในเมืองต้องขับไม่เกิน 80 นะครับ” แต่ด้วยท่าทีจริงจังและสายตาของอีกฝ่ายซึ่งจ้องถนนไม่วอกแวกด้วยสมาธิเต็มเปี่ยม ฮาร์เปอร์จึงไม่พูดอะไรต่อก่อนมองออกไปข้างนอกกระจกรถเห็นจักรยานหลายคันปั่นแซงผ่านไปและเขาจะไม่พูดว่ามีกี่คันที่ยกนิ้วกลางมาให้ รถถูกขับด้วยความเร็วช้าสม่ำเสมอจนมาถึงที่ที่เขาจอดรถของตัวเองทิ้งไว้
          “เจอกันที่ทริสเกเลี่ยนนะครับ เดี๋ยวผมจะเขียนรายงานส่ง แต่ขอนอนสักงีบ”
           “ครับ…ขอให้พระเจ้าสถิตอยู่กับคุณ”  นั่นเป็นคำสุดท้ายก่อนที่สนทนากันก่อนมุราคามิจะขับรถจากไป
 
 
  
           มีเรื่องราวหลายอย่างเกิดขึ้นจนทำให้เขาลืมนัด ข้อความในโทรศัพท์ที่ยังไม่เปิดอ่านตั้งแต่เช้าถูกเปิดอ่านเมื่อยามพระจันทร์โผล่มาทักทายค่อนท้องฟ้า แต่ก่อนจะได้ตอบอะไรกลับไป ความสนใจกลับถูกถ่ายโอนไปยังรถแวนสีน้ำเงินที่คุ้นตา มันอยู่ตรงนั้นที่หัวมุม รอให้เขามองเห็นก่อนเสียงข้อความในโทรศัพท์ที่ใช้สำหรับติดต่องานหวีดดังขึ้น  ‘Let’s Play’ รถคันสีน้ำเงินที่เริ่มออกตัวแล้วขับผ่านหน้าเขาไปช้าๆ เชิญชวนหรือท้าทาย ? แล้วถ้าไม่ไปตอนนี้จะไปตอนไหน? แล้วมันจะกลับมา อีกเมื่อไหร่? ทำไมเขาต้องเป็นฝ่ายรอ?
          ไฟหน้ารถยนต์ส่วนตัวกระพริบเมื่อสวิตซ์เปิดประตู ไม่ช้าร่างสูงใหญ่ก็เข้าไปนั่งประจำตำแหน่งและตามเพื่อนผู้แสนดีนั่นไป เริ่มแรกมันขับช้าๆ ก่อนเพิ่มความเร็วขึ้นเมื่อผ่านแยกไฟแดงที่สอง แล้วเริ่มเลี้ยวเข้าเส้นทางที่ไม่ค่อยมีใครใช้กัน ก่อนเขาจะเหลือบไปเห็นบางอย่างที่กระพริบตรงที่ปัดน้ำฝน เริ่มแรกมันกระพริบช้าๆ และต่อมาไม่รู้ว่าเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดีเมื่อจุดสีแดงเริ่มกระพริบถี่ยิ่งขึ้น ราวกับจะเรียกร้องไม่อยากให้ล่ะสายตาจากไป
 
….ระเบิดแสวงเครื่อง…
 
            Aston Martin รุ่น Rapide สีขาว พุ่งทยานไปข้างหน้าล้อบดเหยียบไปตามพื้นของถนนต้านกับเเรงเสียดทาน จุดสีแดงกระพริบอยู่ตรงหน้าปัดน้ำฝน ราวกับจะท้าทายอยู่ตลอดเวลา ฮาร์เปอร์หักเลี้ยวออกนอกเส้นทางไปตามถนนแถบชนบทซึ่งไม่ห่างจากตัวเมืองมากนัก พื้นถนนเปลี่ยนเป็นก้อนกรวดแบบหยาบโทรศัพท์มือถือถูกวางเอาไว้ยังคอนโซนเกียร์เพื่อให้มองเห็นโดยง่าย มีเพียงเสียงเพลงคลาสสิคเท่านั้นที่ยังดังกระหึ่ม ไม่มีเสียงตอบกลับและโทรศัพท์ยังวางนิ่งอยู่แบบนั้น กระทั่ง… มีข้อความเข้าว่า “Good Night” ไม่มีเวลาคิดและไม่มีเวลาตัดสินใจซ้ำสอง ประตูรถถูกเหวี่ยงออกขณะที่รถยังเเล่นไปข้างหน้าด้วยความเร็ว ไม่กี่ชั่วอึดใจ รถคันสีขาวก็กระจายชิ้นส่วนออกด้วยแรงระเบิด สะเก็ตติดไฟพุ่งไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ตัวรถที่เหลือกลายเป็นกลุ่มเปลวไฟเคลื่อนไปข้างหน้า มันพุ่งตกลงไปทะเลสาปเพราะไม่มีผู้บังคับพวงมาลัยให้หักหลบ พื้นฐานการต่อสู้จนเป็นสัญชาตณานทำให้ร่างกายไม่เอาส่วนเป็นข้อต่อกระแทกลงพื้น ส่วนสำคัญที่สุดที่ต้องรักษาคือช่วงศีรษะแต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่หัวจะไม่กระแทกกับพื้นถนนอันขรุขระไม่เป็นระเบียบและมีก้อนหินอยู่ประปราย เศษเหล็กปลิวตกไปตามทางและรอบตัว มือยังกำโทรศัพท์แน่นหลังจากตัดสินใจกระโดดออกมา ใช้สติที่เหลืออยู่ติดต่อไปหาเจ้าหน้าที่ แมทเธโอ มุราคามิ “ผมมีงานแกะรอยให้คุณทำ แต่ก่อนอื่นเรียกรถพยาบาลให้ผมที”รอบข้างมีเพียงความมืดและแสงไฟจากถนนไม่กี่ดวง หากในยามปรกติเขานอนไม่ได้ภายในความเงียบ นัยตากรอกไปมามองหมูดาวที่ขึ้นเต็มท้องฟ้า ได้ยินเสียงเพลงลอยลมมาแต่ไกล มันขับขานเป็นทวงทำนองของเพลง This Is Halloween 

 

 

 

 

 

 

 

 

         “คุณพร้อมที่จะสละชีพเมื่อปฏิบัติภารกิจหรือไม่?”
         “หากมันเป็นสิ่งที่ส่งผลดีที่สุดต่อเพื่อนร่วมทีมภารกิจและองค์กรผมก็ยินดี”
         “ตอบ’พร้อม’หรือ’ไม่พร้อม'”
         “พร้อมครับ”
         “คำถามต่อไป คุณพร้อมที่จะฆ่าคนหรือไม่?”
         “พร้อม…  ครับ”
        “คุณพร้อมที่จะก่อวินาศกรรมซึ่งเป็นเหตุทำลายทรัพย์สินและสิ่งแวดล้อมส่วนรวมและอาจคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์หรือไม่?”
         “ไม่พร้อมครับ”
         “คุณพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งถึงแม้คำสั่งนั้นจะสั่งให้คุณตายหรือไม่?”
         “พร้อมครับ”
         “ดีครับ มีอะไรจะถามผมไหม?”
         “ผมขออนุญาตถามหนึ่งคำถามครับคุณฮาร์เปอร์…  คุณพร้อมหรือไม่ที่จะสละชีพคนในทีมเพื่อความสำเร็จของภารกิจ”
 

 

 

 

 

 

 

         “พร้อม”
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
สรุปเหตุการณ์รวมของสมาชิกทีม H 
 
ฮาร์เปอร์ เจ้าหน้าที่ภาคสนาม : รถระเบิด ตัดสินใจกระโดดออกมาจากตัวรถ ทำให้มีบาดแผลฟกช้ำตามตัว และศีรษะแตกเย็บ 17 เข็ม 
แมทเธโอ มุราคามิ เจ้าหน้าที่ Tech Expert : ถูกทำร้ายเพื่อขโมยกระเป๋าแต่ไม่ได้ข้อมูลอะไรไป คนร้ายจึงกลับไปค้นที่ห้องพักอีกครั้งแต่กลับไปตรวจสอบทันและมีการประทะกันเล็กน้อย 
อีริค ลอว์ เจ้าหน้าที่ภาคสนาม :  ห้องถูกรื้อค้นเบื้องต้นตรวจสอบพบว่ามีเพียงของสะสมที่หายไป
ซัลลิเเวน เจ้าหน้าที่ Administrator  : มีการส่งจดหมายที่สอดแทรกผงแป้งไว้ข้างในเมื่อเปิดอ่านพบข้อความว่า “i’m watching you” และผงแป้งภายในนั้น(ตรวจสอบภายหลังพบว่าเป็นเพียงผงแป้งธรรมดาๆ) มีการส่งพัสดุไปหาที่ห้องพักเมื่อเปิดออกมาพบซากสัตว์ที่ตายแล้วซุ่มไปด้วยเลือด รวมถึงโทรศัพท์ลึกลับที่หาปลายสายไม่ได้โทรมาหาบ่อยครั้ง บางครั้งมีเพียงเสียงคนร้องไห้ บางครั้งไม่มีใครพูด เมื่อวางสายไปแล้วต้นสายก็จะโทรกลับมาใหม่ 
เลอร์วิค เจ้าหน้าที่สเปเชี่ยลลิส  : มีคนส่งภาพกิจวัตรประจำวันของเลอร์วิคมาให้ เป็นภาพทั่วไป เช่น ทานอาหาร/ออกกำลังกาย/เดินซื้อของแม้กระทั้งกำลังนอนหลับภายในห้องพักของเขามาให้ การส่ง ส่งเป็นรูปแบบพัสดุห่อสวยงามเหมือนกล่องของขวัญมีข้อความว่า “enjoy your day!!!”  ส่งให้ทุกวันโดยภาพทุกวันไม่ซ้ำกันและเป็นกิจกรรมภายในวันนั้นๆ
เอลดริจด์ เจ้าหน้าที่แผนกไบโอ : ถูกตัดสายเบรครถประจำตัว เมื่อประสบอุบัติเหตุแล้วมีรูปหนึ่งใบหล่นลงมาจากภายในตัวรถ เป็นรูปของสมาชิคในทีมทั้งหมดและใบหน้าของเอลดริจด์ถูกวงด้วยปากกาสีแดงเป็นรูปหัวใจ พร้อมข้อความเขียนว่า “just joking” ตอนนี้เข้ารับการรักษาที่ศูนย์แพทย์แห่งทริสเคเลี่ยน พบบาดแผลที่ใบหน้าเป็นรอยบาดลึกจากเศษกระจกที่ริมฝีปากลงมาจนเกือบถึงปลายคาง บริเวณเหนือคิ้วอีก1 แขนซ้ายและลำตัวบางแห่งมีแผลฉีกขาดและ มีรอยฟกช้ำอย่างหนัก ขณะนี้ยังไม่ออกจากห้องฉุกเฉิน
คอนนอร์ เจ้าหน้าที่แผนกไบโอ : ถูกตามด้วยรถแวนคันสีขาวใช้สำหรับส่งของติดฟิล์มสีดำไม่มีทะเบียนตลอดเวลาไม่ว่าไปไหนจะพบรถคันนี้ตลอด เมื่อเข้าใกล้ รถคันนี้จะหายไปหรือขับผ่านหรือเมื่อหนีจะรู้สึกว่าถูกตามจนไร้ที่หลบภัยก่อนที่รถคันนี้จะขับหายไปราวกับว่าแค่บังเอิญขับผ่านมา เมื่อรู้สึกปลอดภัยแล้วรถคันนี้จะขับวนกลับมาใหม่ และโดนรถคันนี้เฉี่ยวชนหนึ่งครั้งในยามดึกที่ออกมาข้างนอก 
  ♠

 

 

 

 

เผาไหม้… และมอดไหม้…

ใส่ความเห็น