never too old for halloween

     
 
 
avatar.org
 
 
 
 
   เสียงไซเรนดังกลบเสียงเพลงตามท้องถนน วัยรุ่นประมาณหกเจ็ดคนถูกคุมตัวออกจากบ้านเช่าที่ยังคงมีเสียงเพลงดังเสียดหูออกจากลำโพง พวกเขาถูกตั้งข้อหารบกวนผู้อื่นยามวิกาล ในตอนแรกข้างบ้านโทรแจ้งตำรวจว่าที่บ้านเช่าแห่งนี้มีเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้น เนื่องด้วยมีกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่ดูท่าจะเมามายสวมชุดดำคอยดักจับคนที่เดินผ่านไปมาเข้าไปในบ้าน และหลังจากประตูปิดสนิทก็จะมีเสียงหวีดร้องออกมา 
         “กัญชา” ถุงพลาสติกใสถูกชูขึ้นด้วยมือของตำรวจท้องที่ ก่อนเขาจะคุมตัวเด็กวัยรุ่นทั้งหมดไปที่โรงพัก เด็กพวกนั้นมีอาการมึนงง ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายสถบทหยาบคายหรือล้อเลียนเขาในเรื่องใต้สะดืออยู่ตลอดเวลาที่อยู่ในโรงพัก โดยเฉพาะเด็กหนุ่มผมทองที่มีผิวขาวซีด 
          ทั้งจำทั้งปรับ… นายตำรวจคิดแล้วกรอกลงไปในบันทึกประจำวัน
         นั้นคือเรื่องหลายปีก่อน เเละเรียกรอยยิ้มเมื่อนึกถึงอยู่ตลอดเวลา มิคาเอล ฮาร์เปอร์ ถอดสูทตัวนอกออกแล้วหยิบโค้ทขาวมาสวมทับ ผมที่ไม่ได้สระมาหลายวันจากการทำงานดีดตัวขึ้นไปและง่ายต่อการจัดทรง ปีกสีขาวสองข้างที่ออกแบบมาไม่เล็กไม่ใหญ่ถูกนำมาสวมใส่ เพราะวันนี้เขาจะเป็นเทวดา… ใจดี
          ลูกกวาดสี่รส [ลูกกวาดรสพริก ลูกกวาดรสโคล่า ลูกกวาดรสมะนาว ลูกกวาดรสบ๊วย ] ถูกนำไปซ่อนตามที่ต่างๆ เขาเตรียมการ์ดสี่ใบซึ่งมีสีแตกต่างกัน [การ์ดสีขาว การ์ดสีดำ การ์ดสีแดง การ์ดสีน้ำเงิน ] ฉลุลายด้วยกุหลาบมาเตรียมเอาไว้สำหรับการทรีตในเทศกาล 
         มอริส วาลคิส เป็นคนแรกที่มาหา หล่อนสวมชุดผีดิบจีนพร้อมทาตัวด้วยสีฟ้า จากประวัติในโปรไฟล์ ฮาร์เปอร์มั่นใจว่าเอเจนต์ระดับหนึ่งผู้นี้เป็นไอเอส หรือบุคคลที่เกิดมามีสองเพศในคนคนเดียว 
        “สวัสดี มิสเตอร์วาลคิส” คำว่ามิสเตอร์ถูกมอบให้แม้เธอจะแต่งตัวเป็นหญิงสาว เนื่องจากผู้พูดยึดเอาตามเพศที่ระบุมาในโปรไฟล์ นั่นคือเป็นการให้เกียรติอย่างหนึ่งในแบบฉบับของฮาร์เปอร์
         การ์ดสีใบ สี่สีถูกคลี่ออกมาให้เลือก และหากจะให้ลูกกวาดไปเลยมันคงจะไม่ใช่วิธีการที่น่าประทับใจเท่าใด
        “อะไรที่ได้มาง่ายๆ ไม่ควรค่าแก่การจดจำ ขอให้สนุกกับฮาโลวีนนะครับ” นั่นคือคำอวยพรหลังจากหล่อนเลือกการ์ดกุหลาบสีดำ  หลังจากนั้นไม่นานเธอกลับมาในสภาพมอมแมมและลูกอมรสโคล่าในมือ 
         บุคคลที่สองที่มาทริคออร์ทรีตเขาคือเอเจนต์นาเบเรียน อามโวล์ฟ เขามาด้วยเสื้อผ้าที่รัดกุมหนาและมิดชิด ซึ่งเอเจนต์หนุ่มบอกว่าเขินอายที่จะสวมใส่มันตรงข้ามกับท่าทางที่แสดงออกว่าสนุกสนาน และการ์ดสีน้ำเงินก็ถูกเลือกไป ไม่นานนักที่ผู้ค้นหาลูกกวาดจะกลับมาพร้อมลูกกวาดรสพริกในมือ พวกเขาสนทนากันนิดหน่อยเรื่องการผจญภัยสำหรับลูกกวาด ซึ่งไม่ใช่การเดินทางที่ยาวไกลเท่าใดนักเมื่อฮาร์เปอร์ฟังแล้วคิดตาม และอาจจะเป็นมิสเตอร์อามโวล์ฟที่ทริค.. เขาไม่แน่ใจจะเรียกว่านั้นคือการทริคหรือเปล่าสำเร็จ เมื่อนาเบเรียส อามโวล์ฟเริ่มเต้นด้วยท่วงท่าร่ายรำแบบอาหรับ แม้ในตอนแรกฮาร์เปอร์จะไม่เข้าใจว่านี่คือการทริคตรงไหน ก่อนเนื้อผ้าจะขยับอย่างเย้ายวนด้วยกล้ามเนื้อข้างใต้ แต่อย่างที่บอกไปว่าอามโวล์ฟสวมเสื้อผ้ารัดกุมและหนา นั่นทำให้เหมือนกระสอบทรายขยับไปมาเสียมากกว่า ชวนให้นึถถึงการจับใครสักคนยัดระสอบทรายแล้วนำไปฆ่าตัดตอน 
         และคนสุดท้ายที่ว่างพอสำหรับเทศกาลคงจะเป็นแมทเธโอ มุราคามิ เขาคลืบคลานเข้ามาในห้องพร้อมหุ่นยนต์ฟักทองดัดแปลงที่เจ้าตัวเรียกมันว่า คุณ Jack O’ Lantern  เทวดามีปีกไม่เข้าใจว่านี่เป็นการทริคเเบบไหน เพราะมันดูน่ารักน่าเอ็นดูเสียมากกว่า เสียงสีส้มจากตัวฟักทองฉาดฉายขณะที่ตัวมันลอยไปมาภายในห้องสีขาวที่เปิดไฟสว่างจ้าขณะอ้าปากรอรับขนมจากเขา นั่นไม่ทำให้น่ากลัวสักนิด  ฮาร์เปอร์ยิ้มขำก่อนหยิบการ์ดสีใบออกมาให้คุณ Jack O’ Lantern เลือก มันลอยวนไปวนมาเหมือนไม่เข้าใจที่เขาพูดก่อนจะลอยไปที่สุดริมขวาของโต๊ะที่มีการ์ดสีดำ ก่อนที่เทวดาใจดีจะหยิบการ์ดใบนั้นสอดใส่ปากฟักทอง 
         ไม่ช้าแมทเธโอ มุราคามิก็กลับด้วยความว่างเปล่า น่าแปลกที่ผู้ร่วมทีมจากแผนก Tech Expert ผู้นี้ไม่ได้ลูกกวาดมาเนื่องจากผู้ที่มาขอทุกคนล้วนได้ลูกกวาดกันมาอย่างง่ายดาย 
   
    ไปหาด้วยวิธีไหน? 
 
         มุราคามิเเสดงอาการงอนนิดๆ ที่เลือกไปเคาะห้องของเอเจนต์ลุกซ์แฟร์นั่นทำให้เขาไม่ได้ลูกกวาดในครั้งนี้ เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ ที่คุณไม่เลือกมาหาผมที่ห้อง 
        แต่กระนั้นในการ์ดระบุอย่างชัดเจนว่าหากไม่ได้ลูกอมให้กลับมาทริคเขาอีกทีแล้วเขาจะให้ลูกกวาดเองกับมือ ซึ่งการทริคไม่ใช่เรื่องยากหรือง่ายเกินไป มันก็แค่ต้องทำให้เขารู้สึกกลัวขึ้นมา แต่แมทเธอโอ มุราคามิ กลับเรื่องที่จะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับทิ้ง คุณ Jack O’ Lantern ที่เขาบอกว่าตั้งใจทำมาทริคหัวหน้าเอาไว้ให้ และเรื่องมันคงจะจบเพียงเเค่นี้ หากผู้ร่วมทีมของเขาไม่เอาเรื่องขนมไปพูดกับคนอื่นว่า “หัวหน้าใจร้าย ไม่ยอมให้ลูกอม”  ….แต่กระนั้นในการ์ดระบุอย่างชัดเจนว่าหากไม่ได้ลูกอมให้กลับมาทริคเขาอีกทีแล้วเขาจะให้ลูกกวาดเองกับมือ
       
       คุณ Jack O’ Lantern ถูกปรับปรุงเสียใหม่ให้ดูน่าตื่นเต้นมากขึ้น วิกผมสีดำสนิทและยีจนยุ่งเหยิงถูกนำมาสวมช่วงล่างถูกตกแต่งเพิ่มอย่างง่ายให้กลายเป็นไส้และเรืองแสงได้ด้วยหลอด LCD สีมันวาวคล้ายเลือดทำมาจากน้ำแดงรสหวานถูกทาทาบตกแต่งที่ช่วงกระเพราะซึ่งอัดแน่นไปด้วยขนมที่ถูกยัดไว้ด้านใน มันลอยผ่านโถงทางเดินที่แสงสลัวและชนเข้าที่ประตูเหมือนต้องการจะลอดผ่านอยู่หลายต่อหลายครั้ง ขณะที่เป้าหมายในการทริคและทรีตครั้งนี้อยู่อีกด้านของประตู … แมทเธโอ มุราคามิ   
 
 
 
 
 
 
      co 
 
 ลายแทงหาลูกกวาด
 
 
 
archangelH
 
 
รูปเผา อย่าซูม 
 

MISSION 1.5 : 0-8-4 [S.I.S.T.T.H.D]

Someone’s Slipping

Through The Hidden Door

 
 
 
avatar.org 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
        “คุณพร้อมจะสละชีวิตขณะปฏิบัติภารกิจหรือไม่?”
        “พร้อม”
        “คุณพร้อมที่จะฆ่าคนไหม?”
        “พร้อมครับ”
        “คุณพร้อมที่จะก่อวินาศกรรมซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินสิ่งแวดล้อมส่วนรวมและอาจจะคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์หรือไม่?”
        “พร้อมครับ”
        “คำถามสุดท้ายขอให้คุณตอบว่า’ใช่’หรือ’ไม่ใช่’ ..ถ้าผมบอกคุณว่าหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสิบเอ็ดคำตอบนั้นคือคำตอบที่ถูกต้องใช่หรือไม่?”
        “ใช่”
        “คุณมีอะไรจะถามผมไหมครับ?”
        “ไม่ครับ”

 

 

 

        เสื้อสีขาวถูกสวมทับด้วยเสื้อสีขาว มือทั้งสองข้างอยู่ภายใต้ถุงมืออนามัยสีขาวขุ่น เส้นผมถูกรวบไว้ด้านหลัง เบื้องหน้าคือผู้ล่วงลับทั้งสองที่นอนนิ่งในสภาพเปลือยเปล่า ผิวหนังซูบซีดบัดนี้เริ่มมีชีวิตชีวาอีกครั้งเพราะน้ำยาฉีดเรักษาสภาพซึ่งมีสีแดงผสมอยู่ รอยกรีดเล็กๆ บริเวณช่วงคอยังเห็นชัด แม้จะมีการตรวจสอบไปแล้วแต่เขาต้องการตรวจสอบให้แน่ใจอีกครั้งด้วยตาของตัวเอง
         นั้นคือเหตุการณ์ก่อนหน้านี้สองชั่วโมง หลังจากกลับขึ้นมาจากห้องแล็ป ฮาร์เปอร์อ่านข้อมูลของเอกสารและเปิดฟังเสียงจากเทปบันทึกอีกครั้ง หลังจากลงพื้นที่และนำหลักฐานที่ได้ทั้งหมดมาตรวจสอบ Tech Expert ของทีมพบไฟล์ซ่อนอยู่ในไดร์ฟข้อมูล เมื่อถอดรหัสออกมาแล้วพบเป็นไฟล์เสียงจากเทปบันทึก เสียงแตกซ่าเหมือนเทปคาสเซ็ทเก่า ๆ ทำให้ถ้อยคำของผู้เป็นกัปตันเรือกระท่อนกระแท่นแต่พอจับใจความได้
        เรือขนส่งสินค้าที่บรรทุกวัตถุต้องสงสัย แล่นข้ามน่านน้ำมีเหตุให้อับปางลงทั้งสิ้น  ทั้งจากปรากฏการทางธรรมชาติ คราเคน อสุรกายในท้องทะเลลึก หรือแม้แต่การปล้นชิงจากกลุ่มโจรสลัด โดยพวกเขาเชื่อว่าเป็นการพิโรจของเทพเจ้าที่ถูกขโมยอาวุธไป ‘มันคือคำสาป มันเป็นอาถรรพ์ ใครที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมันจะมีอันเป็นไป’….  แม้ในตอนนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า 0-8-4 คืออะไร แต่อย่างน้อยก็ได้เบาะแสกลับมา
        ในส่วนของการพิสูจน์ศพของเจ้าหน้าที่ไบโอของทีม พวกเขาพบเเม่เหล็กกระตุ้นหัวใจฝังอยู่ภายในร่างกาย พบการสอดใส่สายซึ่งมีขั้วไฟฟ้าเล็กๆ ที่ปลายสายเข้าทางหลอดเลือดดำใต้กระดูกไหปลาร้าด้านซ้าย ซึ่งปลายสายอยู่ในห้องหัวใจด้านขวาห้องบน ส่วนปลายสายอีกด้านต่อเข้าที่เครื่องกระตุ้นให้จังหวะหัวใจ ซึ่งจะถูกฝั่งไว้ใต้ผิวหนังบริเวณใต้กระดูกไหปลาร้า โดยเครื่องกระตุ้นให้จังหวะหัวใจจะรับสัญญาณไฟฟ้าของหัวใจผ่านทางสายตลอดเวลา  นี้คือข้อมูลทั้งหมดที่ได้มาในตอนน้ี ก่อนในเวลาเกือบตีสาม เจ้าหน้าที่จากส่วนกลางแจ้งมาว่ามีคนลักลอบเข้าศพที่พวกเขาเก็บเอาไว้ในห้องแล็ป คนร้ายเลือกใช้โซดาไฟและกรดซัลฟูริค ทำลายศพในช่วงเวลาสับเปลี่ยนเวรยาม ปฏิกริยาเคมีทำให้เกิดไฟไหม้และสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น สภาพศพเสียหายบางส่วนโดยเฉพาะเนื้อเยี้อซึ่งถูกเผาและกัดกร่อนไป เบื้องต้นใช้น้ำชะล้างสารเคมีทำให้เนื้อบางส่วนทำให้หลุดลอกออกไปแต่มันก็ถูกเก็บเอา ไว้เป็นอย่างดี
         เสียงโทรศัพท์ต่อสายจากส่วนกลางดังขึ้นเมื่อพระอาทิตย์เริ่มพ้นขอบฟ้า เขากดรับก่อนได้รับแจ้งว่าเป็นเบอร์ติดต่อมาจากโรงพยาบาล เอกสารสีเทาอ่อนถูกวางลงเพื่อรับสาย ทางปลายสายแจ้งข้อมูลอุบัติเหตุของแมทเธโอ มุราคามิ ซึ่งผู้ป่วยได้แจ้งทางโรงพยาบาลว่าเขาเป็นญาติ
         แมทเธโอ มุราคามิ ผู้ไร้ความสารารถในการแสดงเป็นเด็กช่างไฟให้เป็นมิตรเพื่อพูดคุยกับผู้อื่นจนต้องเปลี่ยนบทบาทการแสดง ซึ่งถือเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ดี และเป็นการนำปัญหามาให้ทีมเพราะบทบาทถูกเปลี่ยนโดยฉับพลันและไม่บอกกล่าวผู้ร่วมทีมผู้อื่นที่ถือข้อมูลเดียวกันเอาไว้ น่าแปลกใจที่ในประวัติระบุมาว่ามุราคามิมีประสบการณ์ทำงานมาก่อน
        ดวงตาสีอ่อนขยับคิดเพียงครู่หนึ่ง …อุบัติเหตุและแจ้งมาทางชีลด์ เสียงราบเรียบอย่างปรกติเอ่ยกลับยังปลายสายที่ถือค้าง “โรงพยาบาลอะไร? เป็นอะไรมากหรือเปล่า? ห้องไหน? VIP ไหม… ถ้าไม่ก็เปลี่ยนซะ” ไม่ช้าปลายสายให้ข้อมูลตามที่ถามไป ห้องเดี่ยวธรรมดาราคาถูก คนเจ็บต้องอยู่โรงพยาบาลสองวันและมีตำรวจมาสอบปากคำ
        ยังไม่มีการตอบรับเรื่องเปลี่ยนห้องเป็นแบบพิเศษ  ข้อมูลที่ได้สำหรับอาการป่วยมีเพียงน้อยนิดแทบจะทันทีฮาร์เปอร์ขอคุยกับผู้ป่วยขณะดึงหน้าจอโฮโลแกรมเข้าหาตัวแล้วเช็คข้อมูลอุบัติเหตุและโรงพยาบาล ไม่ช้าปลายสายก็ถูกโอนไปยังห้องผู้รับเข้ารักษา หากแต่น้ำเสียงของผู้รับสายนั้น… ไม่ใช่น้ำเสียงที่คุ้นเคย
       “ฮัลโหล…”
       “แมทตี้?” จงใจเรียกชื่อคนที่เขาขอสายอย่างสนิทสนม ขณะที่อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ
       “แมทตี้หลับอยู่ ไว้คุณค่อยโทรมาใหม่แล้วกัน” ผู้เป็นหัวหน้าทีมมองข้อมูลที่ปรากฏบนหน้าจอโฮโลแกรมขณะสายถูกวางไปทั้งๆที่เขายังไม่ได้ตอบ เหตุการณ์และชื่อโรงพยาบาลนั้นมีอยู่จริง เขายกโทรติดต่อกับโรงพยาบาลอีกครั้งตามเบอร์ที่ให้ไว้ในหน้าเว็ปไซต์เพื่อถามหาผู้ป่วยชื่อแมทเธโอ มุราคามิ เพื่อสอบถามเวลาที่สามารถเข้าเยี่ยมได้ซึ่งปลายสายแจ้งข้อมูลว่าสามารถเข้าเยี่ยมได้ถึง 10:00PM สิ่งที่คิดได้คือคงเป็นใครสักคน ที่อาจจะเป็นญาติหรือคนรู้จักรับสาย เขายังไม่สนิทกับมุราคามิมากนัก อีกหลายสิ่งที่ยังไม่รู้ แต่นั้นก็ทำให้เขาเบาใจอย่าง อย่าน้อยก็คนคอยดูแลมุราคามิอยู่
 

 

 

           กระเช่าของฝากอัดแน่นไปด้วยขนม แสงแดดในช่วงค่อนข้างแรงในวันที่ฟ้าโปร่ง รถสีขาวมุ่งออกจากทริสเคเลี่ยนไปที่โรงพยาบาล ฮาร์เปอร์เดินไปตามทางห้องของผู้ป่วยที่ได้รับแจ้งเอาไว้ มือสีซีดยกเคาะประตูห้องที่มีใบรายชื่อสอดไว้ว่า แมทเธโอ มุราคามิ ทว่าไม่มีเสียงตอบรับจากด้านใน คงจะหลับ แต่ยังอยู่ในช่วงเวลาที่เข้าเยี่ยมได้ ไม่ช้าลูกบิดประตูก็ถูกหมุนอย่างวิสาสะพร้อมกับการแทรกตัวเข้าไปเงียบเชียบ ปลายเท้าหยุดหน้าเตียงดวงตาตวัดพิจารณาใบหน้าคนเจ็บ กายภาพภายนอกมีเพียงรอยฟกช้ำเท่านั้นและรอยบวมที่ศีรษะ เคลื่อนตัวเงียบๆเพื่อวางกระเช่าของฝากที่โต๊ะตัวเล็กด้านขวาของเตียง ก่อนจะหยุดชะงักแล้วหันไปตามแรงดึงของข้อมือ
           “สวัสดี.. แมทตี้” สัญญาณมือแบบง่ายๆวาดไปในอากาศว่าอาจมือเครื่องดักฟังพร้อมกับการยันตัวลุกของผู้ป่วย ฮาร์เปอร์พยักหน้ายิ้มรับเล็กน้อย 
           “อาการเป็นยังไงบ้างครับ เบื่อกลิ่นยาฆ่าเชื้อหรือยัง หืม?”
           “ผมอยากกลับบ้านแล้วอาไมค์ นอนมากจนปวดหัวแล้ว แล้วก็มีคนมาเฝ้าทั้งวัน”  เนียน.. แม้กระทั้งกริยาที่ค่อย ๆ เบื้อนหน้าไปทางประตูห้องซึ่งมีเงาคนด้านนอก 
           “มีพยาบาลสาวๆสวยๆมาดูแลไม่ดีหรือไงหลานชาย จะได้มีแฟนกับเขาเสียที” เขาหันไปที่ประตูอีกครั้งพลางครุ่นคิดกับเสียงคนรับสาย และอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น …จักรยานล้มและมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวชน 
           “ตกลงอาเป็นห่วงผม หรืออาจะมาส่องพยาบาลครับ …. นี่ไม่ได้มารับผมกลับบ้านเหรอ?”
           “กลับบ้านเหรอ หืม.. สาวผมแดงที่ประชาสัมพันธ์ก็น่ารักดีนะ”  เขาทำทีเป็นแกะของเยี่ยมผู้ป่วยทานก่อนหยิบโทรศัทพ์แล้วชี้ชวนให้อีกฝ่ายดูรูปของสาวผมแดงที่ไม่มีอยู่จริง ’ที่พักของคุณคงไม่ปลอดภัย’ มุราคามิทำทีเป็นมองภาพจะพยักหน้าตอบรับ พวกเขาแสร้งคุยกันต่ออีกเล็กน้อยด้วยบทสนทนาของ อา-หลาน มุราคามิแจ้งว่าได้รับยาบางอย่างผ่านทางน้ำเกลือทำให้ง่วงตลอดเวลา และถูกห้ามให้รับสายโทรศัทพ์จากเขาในตอนเช้า จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้กระเป๋าเงินและโทรศัพท์ถูกขโมยไปรวมถึง ….. “ขนมที่ซื้อมาหายไปหมดเลย” ผู้ร่วมทีมจากแผนก Tech Expert บอกมาแบบนั้นรวมถึงบ่นอุบถึงจักรยานที่ถูกตำรวจยึดไป พวกเขาตัดสินใจออกจากโรงพยาบาลด้วยเหตุผลที่ว่าต้องการพักที่อื่นและมีพยาบาลส่วนตัว การจัดการเอกสารและเคลียร์ค่าใช้จ่ายไม่ได้ยุ่งยาก ฮาร์เปอร์ส่งข้อความรหัสไปยังหน่วยภาคงสนามให้เข้ามาจัดการและสืบหาข้อมูลของผู้ต้องสงสัยตามอยู่ที่ให้ไป
           สพรรนามเรียกอีกฝ่ายถูกเปลี่ยนเมื่อพวกเขาทั้งสองอยู่กันตามลำพัง ฮาร์เปอร์ตัดสินใจยังไม่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องเเล็ปให้มุราคามิฟังในตอนนี้ เขาขอให้อีกฝ่ายเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟังอย่างละเอียดอีกครั้งเมื่อพวกเขาทั้งสองเข้ามาอยู่ในรถหลังจากตรวจสอบแล้วว่าไม่มีเครื่องดักฟัง
          “น่าจะมีคนตามผมอยู่นะครับ.. มีอะไรบางอย่างดูแปลกตา กับจักรยานของผมที่จอดอยู่หน้าร้านค้า … ผมว่าน็อตตัวใหญ่มันหลุดออกมา ก่อนที่จะถูกมอเตอร์ไซค์คันนั้นเฉี่ยวท้าย และกระเป๋าเป้ผมหายไป… แต่โชคดีที่ผมไม่ได้เอาโน้ตบุคหรือเอกสารอะไรกลับบ้าน เพราะตั้งใจจะไปซื้อของ”
          “ก่อนหน้านี้คุณมีปัญหากับใครหรือเปล่า อาจจะเป็นเรื่องชู้สาวคิดยังไงถึงโทรหาผมครับ?” รถทะยานออกจากโรงพยาบาล เขายิ้มก่อนเหลือบไปมองกระจกส่องท้ายของเห็นรถรถแวนสีน้ำเงินสำหรับส่งของไร้ป้ายทะเบียน ผสมกับการได้ยินเสียงพูดที่แทบจะเรียกว่าตะโกนของมุราคามิ
           “……. ปัญหาชู้สาวที่แมนฮัตตันน่ะสิครับ!! หัวหน้าไม่คิดว่าพวกนั้นจะตามมาบ้างเหรอครับ ผมอาจจะโดนหมายหัวที่ไปขโมยข้อมูลพวกนั้นมา … แล้วเวลามีเรื่องเกิดขึ้น ก็ต้องรายงานหัวหน้า มันเป็นระเบียบอยู่แล้วนี่ครับ” ฮาร์เปอร์หัวเราะเบาๆในลำคอกับความรอบครอบที่พึงมี แล้วเหยียบคันเร่งของรถโดยไม่สนใจท่าทีของผู้ร่วมทางที่ผวาคว้าจับเบาะไว้แน่น
           “ตอนนี้คุณอยากไปที่ปลอดภัยที่ไหนครับ แล้วข้อมูลสำคัญที่ต้องเก็บรักษาของคุณอยู่ติดตัวคุณหรือเปล่า?” มีคนตามมาและไม่แน่ว่ามันอาจจะตามตลอดไป เขาแน่ใจทีเดียวว่าผู้ติดตามต้องการเอกสารหรือข้อมูลเกี่ยวกับ 0-8-4 
           “ผมอยากกลับไปที่ห้องผมก่อนครับ” เมื่อจุดหมายเส้นทางถูกระบุผู้ขับก็หักเลี้ยวรถที่หัวมุมของถนนขณะคำนวนหาเส้นทางที่จะใช้หลังจากที่เคยไปที่พักอีกฝ่ายมาครั้งหนึ่ง 
           “มีคนตามผมมาตั้งแต่ออกจากทริสเคเลี่ยนถ้าจะไปที่พักคุณ ผมมีความเห็นว่าคงต้องรีบและไม่ได้ใช้เส้นทางแบบปรกติ” ตัดสินใจบอกเรื่องรถแวน ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่อีกฝ่ายมีท่าทีกระวนกระวายเหมือนเด็กหลังจากหันไปมองที่ด้านหลังรถ นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ฮาร์เปอร์ยังไม่ตัดสินใจบอกเรื่องศพในห้องแล็ป
            “เอายังไงก็ได้ครับ ไปให้ถึงเถอะ!! ขับเร็วๆครับ!!”
           “ใจเย็นๆครับ ถ้าเร่งผมมาก ผมจะตกใจแล้วทำรถพลิกคว่ำ”  ถนนคราคร่ำไปด้วยรถในช่วงสายของวัน ไม่ใช่เรื่องดีหากเร่งรถไปตามคำขอ ฮาร์เปอร์คิดพลางแซงปาดหน้ารถสองคันแล้วเลี้ยวเขาตรอกเล็กๆที่ทะลุออกไปถนนอีกเส้น เขามองไปที่ทางข้างหน้าโดยไม่ได้มองคนที่นั่งอยู่ข้างๆซึ่งคอยหันไปมองด้านหลังตลอด
            รถแวนคันนั้นตามมาไม่ลดละ ฮาร์เปอร์ตัดสินใจเลิกเหยียบคันเร่งก่อนจะเปลี่ยนมาขับช้าๆ ปล่อยให้รถด้านหลังเบียดรถของเขาตกไปอยู่อีกเลนกับรถแวนแล้วคอยให้รถคันอื่นในท้องถนนดันรถคันสีน้ำเงินไปตามทางข้างหน้าด้วยความเร่งรีบเพื่อจะให้ไปถึงก่อนไฟแดง  ทำให้จากการเป็นผู้ถูกตามกลายเป็นผู้ติดตามแทน …แบบนี้คงไม่ถูกตามสักระยะ
            “มิสเตอร์มุราคามิผมอยากให้คุณติดต่อเเท็กซี่ให้มารับเราสองคนในอีกสองไฟแดงหน้า บอกเขาไปว่าอีกสิบนาทีเจอกัน” หันไปบอกคนที่นั่งอยู่ข้างคนขับก่อนเขาจะถูกเร่งอีกครั้ง 
            “ขอโทรศัพท์คุณครับ เร็วๆ” ฮาร์เปอร์พยักพเยิดหน้าไปทางคอนโชลเกียร์ที่โทรศัพท์วางอยู่ แต่ยังไม่ล่ะสายตาไปจากรถแวนสีน้ำเงินที่ยังอยู่ข้างหน้า เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าท้ายรถมีสติกเกอร์รูปปลาฉลามติดอยู่ 
            “พูดกับโชเฟอร์ดีๆนะครับ ผมไม่อยากได้ยินว่าเขาปฏิเสธผู้โดยสาร” เขายังขับรถไปเรื่อยๆ ขณะที่มุราคามิหยิบโทรศัพท์ไปโทร 
             “เรียบร้อยแล้วครับ! จะมีรถมารอตรงป้ายจอดห่างไปสองบล็อค แล้วหัวหน้าจะทำอะไรน่ะครับ?” น้ำเสียงอันดังและดูร้อนรนยังคงดังมาต่อเนื่อง เมื่อพวกเขาเลยไฟแดงไปหนึ่งแยก 
            “เปลี่ยนรถ คุณคงไม่อยากให้เพื่อนผู้แสนดีของเราตามไปทุกที่นะครับ”  ฮาร์เปอร์ขับรถต่อไปจนถึงจุดนัด  เบี่ยงรถจอดที่หน้าสำนักงานแห่งหนึ่งให้คล้ายมาทำธุระแล้วกดรหัสเซฟที่อยู่ในรถหยิบปืนเก็บเสียงออกมาแล้วเดินไปยังจุดนัดหมาย ลงจากรถแล้วเดินตามไป ขณะครุ่นคิดถึงรถแวนสีน้ำเงินคันนั้นมันมีสติกเกอร์รูปลาฉลามที่ท้ายรถ ก่อนจะรู้ตัวอีกทีว่าสมาธิทุ่มไปอยู่ที่รถแวนจนหมดก็เมื่อเขาสื่อสารกับมุราคามิผิดพลาด
             “ถึงแล้วครับ!!” แมทเธโอ มุราคามิ ยังคงพูดด้วยเสียงอันดังพร้อมคิ้วที่ขมวดเป็นปมก่อนรีบร้อนลงจากรถไปเมื่อแท็กซี่มาจอดหน้าอพาร์ทเมนต์ เขามองตามแผ่นหลังนั้นไปก่อนหันไปบอกคนขับรถให้รอรับเขา หลังจากจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วจึงตามออกไป
             หลังจากลิฟท์พาขึ้นมาที่ชั้นห้า ภาพตรงหน้าคือมุราคามิดึงดึงคีย์การ์ดออกมาเพื่อจะเปิดประตูก่อนอุทานเสียงเบาเมื่อเห็นว่าประตูถูกแง้มอยู่ก่อนแล้ว ฮาร์เปอร์คว้าแขนของอีกฝ่ายเอาไว้เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวตั้งใจจะก้าวเข้าไปในห้อง เขาใช้มืออีกข้างแตะกระบอกปืนที่เหน็บไว้ด้านหลังแล้วเปลี่ยนเป็นคนแรกที่ก้าวเข้าไปในห้องช้าๆ โสตประสาททำให้ได้ยินเสียงรองเท้าที่เดินตามมา
             “มีประตูห้องนอนกับมุมห้องครัวอยู่ทางซ้ายครับ มีระเบียงทางขวา” เสียงกระซิบเบาดังจากด้านหลัง ระเบียงของห้องยังปิดสนิทเมื่อกวาดมองทั่วห้องแรกที่เข้าไปเขายังไม่พบอะไรผิดปรกติ ก่อนปลายเท้าจะขยับเข้าหาประตูห้องนอนพลางกะชับมือกับกระบอกปืน มือไล้ลูกบิดเย็นๆ ก่อนบิดเปิดเข้าไปขณะที่เจ้าของห้องพุ่งตัวไปที่คอมพิวเตอร์สามสี่เครื่องที่มุมห้องอีกด้านเพื่อสำรวจว่ามีอะไรผิดสังเกตหรือไม่
            เมื่อประดูห้องถูกเหวี่ยงออก เขาพุ่งตัวผ่านบานประตูเข้าไปขณะอยู่ในท่าพร้อมยิง ภายในห้องมีร่องรอยการรื้อค้นจนเละ หน้าต่างถูกเปิดเอาไว้ม่านปลิวสะบัดไปตามแรงลม ฮาร์เปอร์ก้าวเท้ายาวเข้าไปยังบริเวณขอบหน้าต่างเพื่อก้มมองก่อนเสียงกระสุนนัดแรกตามด้วยนัดที่สองจะดังขึ้น เขาเล็งไปยังชายชุดดำสองคนที่ปืนลงไปตามบันไดหนีไฟไม่ช้าจึงถูกยิงสวนขึ้นมา แทบจะทันทีเขาเบี่ยงตัวหลบเข้าที่หลังกำแพง เสียงปืนเรียกให้เจ้าของห้องวิ่งเข้ามา โดยไม่ให้เสียเวลาเขาบอกให้อีกฝ่ายเก็บของที่จำเป็นแล้วลงไปรอข้างล่างที่รถแท็กซี่คันเดิมจอดรออยู่แล้วจึงยิงสวนกลับลงไปก่อนกระโจนออกไปทางหน้าต่างตามลงไปที่บันไดหนีไฟเพื่อตามชายทั้งสองคนให้ทัน
            ตะแกรงเหล็กผุเก่าและส่งเสียงกึกกักทุกครั้งวิ่ง มันดังแข่งกับเสียงกระสุนที่ยิงสวนขึ้นมา ไม่ช้าคนพวกนั้นก็หยุดยิงและวิ่งไปตามทางเท้าของพื้นคอนกรีตที่ทอดสู่ถนนใหญ่ เท้าทั้งสองข้างขยับสลับปีนป่ายลงบันไดตามไปไม่ลดล่ะและเมื่อมันเหยียบถึงพื้นเสียงของปืนก็ดังขึ้นอีกครั้งแต่ดูท่าฝ่ายตรงข้ามทำเพียงยิงสกัดไม่ให้ตามทันเท่านั้น เขาวิ่งตามพวกมันไปพลันรถแวนสีน้ำเงินคันเดิมก็พุ่งออกมาจากหัวมุม มันขับใต่ขึ้นทางเท้าแล้วพุ่งเข้ามาหาเขาด้วยความรวดเร็วคล้ายหมายพุ่งชน ก่อนหักเลี้ยวตีโค้งเหวี่ยงประตูท้ายออกเพื่อให้ชายทั้งสองกระโดดขึ้นแล้วขับหนีไป… กวนตีน ฮาร์เปอร์สถบทออกมาในใจอย่างเงียบงัน  
            “หัวหน้าปลอดภัยดีใช่มั้ยครับ” เสียงที่ดังขึ้นเป็นของมุราคามิซึ่งวิ่งมาในช่วงท้ายเมื่อรถคันสีน้ำเงินจากไปแล้ว เขาถือโอกาสมองประเมินสภาพร่างกายของอีกฝ่ายซึ่งดูไม่แย่ไปมากกว่าเดิมก่อนจะพยักหน้าตอบคำถาม  
           “มีอะไรหายไหม?”
           “ผมไม่มีเวลาสำรวจมากนักครับ ห่วงแต่ข้อมูลในคอม เลยสนใจแต่ตรงนั้น …. เหมือนพวกเราจะไปถึงทันเวลานะครับ” เขามองย้อนกลับไปที่หน้าต่างบานที่กระโจนออกมาก่อนถามอีกคำถามหนึ่ง
           “พวกมันคงไม่ย้อนกลับมาในตอนนี้ คุณอยากขึ้นไปสำรวจอะไรไหม?”
           “ไม่เป็นไรครับ ผมเก็บของที่จำเป็นมาหมดแล้ว รวมทั้งอาหารเย็นผมว่าจะไปค้างที่ชีลด์สักพัก” เขาพยักหน้าอีกทีก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงปรกติเมื่อเห็นว่าเวลานี้เหมาะสมที่จะแจ้งข่าว
           “ช่วงเช้าก่อนที่คุณติดต่อมา มีคนแอบเข้ามาทำลาย’ของ’ทั้งสองในห้องแล็ป” ผู้เป็นหัวหน้าหลีกเลี่ยงใช้คำว่าศพ พลางกวาดตามองหาแท็กซี่ที่บอกให้รอแต่คาดว่าคงหนีไปแล้วเพราะเสียงปีน
           “หัวหน้าจะบอกว่าแม้แต่ที่ทริสเคเลี่ยนก็ไม่ปลอดภัยเหรอครับ?”
          “ไม่มีที่ไหนปลอดภัยสำหรับคุณตั้งแต่ที่ก้าวเข้ามาในชีลด์แล้ว มิสเตอร์มุราคามิ”
          “ เอาเถอะครับ ที่นั่นยังไงก็คงปลอดภัยกว่าห้องผมตอนนี้ คงต้องขอให้ทีมเก็บกวาดมาสำรวจก่อน ผมถึงจะกลับมานอน” ผู้เป็นสมาชิกทีมถอนหายใจเฮือก  แล้วลากกระเป๋าไปอีกทางนึงก่อนที่เขาจะเดินไปโบกรถสักคันเพื่อไปส่งยังที่ที่เขาเองจอดรถทิ้งไว้ แต่ไม่นานนัก แมทเธโอ มุราคามิ ก็ร้องทักอีกครั้ง
          “จะโบกทำไมครับ…ไปรถผมนี่” เป็นเรื่องน่าประหลาดใจเล็กน้อย ที่อีกฝ่ายมีรถยนต์ส่วนตัวใช้เพราะบุคลิคเหมาะกับพวกรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเสียมากกว่า พวกเขาคุยกันอีกเล็กน้อยเรื่องการติดต่อและโทรศัพท์ที่หายไป 
          “เดี๋ยวผมไปเบิกเครื่องใหม่ที่แอดมินครับ โหลดทุกอย่างลงไปใหม่ แล้วจะแจ้งเบอร์ให้ทราบ” โชคดีที่แถบนั้นไม่มีคนพลุกพล่านเท่าไหร่ และปืนที่เขาใช้ก็เก็บเสียง เขาติดต่อให้เจ้าหน้าที่ส่วนกลางเข้ามาเคลียร์พื้นที่หลังจากนั้น ก่อนจะขึ้นรถไปกับมุราคามิแล้วขอให้ไปส่งเขาในที่เดิมที่จอดรถเอาไว้
         “ให้ผมขับไหมครับ?” เขาถามตอนรถยังไม่ขึ้นถนนใหญ่เพราะท่าทีเก้ๆกังๆของเจ้าของรถ ทั้งตามตัวยังมีแผลจึงอดเป็นห่วงไม่ได้
         “ไม่เอาครับ เดี๋ยวหัวหน้าเหยียบรถผมพัง ในเมืองต้องขับไม่เกิน 80 นะครับ” แต่ด้วยท่าทีจริงจังและสายตาของอีกฝ่ายซึ่งจ้องถนนไม่วอกแวกด้วยสมาธิเต็มเปี่ยม ฮาร์เปอร์จึงไม่พูดอะไรต่อก่อนมองออกไปข้างนอกกระจกรถเห็นจักรยานหลายคันปั่นแซงผ่านไปและเขาจะไม่พูดว่ามีกี่คันที่ยกนิ้วกลางมาให้ รถถูกขับด้วยความเร็วช้าสม่ำเสมอจนมาถึงที่ที่เขาจอดรถของตัวเองทิ้งไว้
          “เจอกันที่ทริสเกเลี่ยนนะครับ เดี๋ยวผมจะเขียนรายงานส่ง แต่ขอนอนสักงีบ”
           “ครับ…ขอให้พระเจ้าสถิตอยู่กับคุณ”  นั่นเป็นคำสุดท้ายก่อนที่สนทนากันก่อนมุราคามิจะขับรถจากไป
 
 
  
           มีเรื่องราวหลายอย่างเกิดขึ้นจนทำให้เขาลืมนัด ข้อความในโทรศัพท์ที่ยังไม่เปิดอ่านตั้งแต่เช้าถูกเปิดอ่านเมื่อยามพระจันทร์โผล่มาทักทายค่อนท้องฟ้า แต่ก่อนจะได้ตอบอะไรกลับไป ความสนใจกลับถูกถ่ายโอนไปยังรถแวนสีน้ำเงินที่คุ้นตา มันอยู่ตรงนั้นที่หัวมุม รอให้เขามองเห็นก่อนเสียงข้อความในโทรศัพท์ที่ใช้สำหรับติดต่องานหวีดดังขึ้น  ‘Let’s Play’ รถคันสีน้ำเงินที่เริ่มออกตัวแล้วขับผ่านหน้าเขาไปช้าๆ เชิญชวนหรือท้าทาย ? แล้วถ้าไม่ไปตอนนี้จะไปตอนไหน? แล้วมันจะกลับมา อีกเมื่อไหร่? ทำไมเขาต้องเป็นฝ่ายรอ?
          ไฟหน้ารถยนต์ส่วนตัวกระพริบเมื่อสวิตซ์เปิดประตู ไม่ช้าร่างสูงใหญ่ก็เข้าไปนั่งประจำตำแหน่งและตามเพื่อนผู้แสนดีนั่นไป เริ่มแรกมันขับช้าๆ ก่อนเพิ่มความเร็วขึ้นเมื่อผ่านแยกไฟแดงที่สอง แล้วเริ่มเลี้ยวเข้าเส้นทางที่ไม่ค่อยมีใครใช้กัน ก่อนเขาจะเหลือบไปเห็นบางอย่างที่กระพริบตรงที่ปัดน้ำฝน เริ่มแรกมันกระพริบช้าๆ และต่อมาไม่รู้ว่าเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดีเมื่อจุดสีแดงเริ่มกระพริบถี่ยิ่งขึ้น ราวกับจะเรียกร้องไม่อยากให้ล่ะสายตาจากไป
 
….ระเบิดแสวงเครื่อง…
 
            Aston Martin รุ่น Rapide สีขาว พุ่งทยานไปข้างหน้าล้อบดเหยียบไปตามพื้นของถนนต้านกับเเรงเสียดทาน จุดสีแดงกระพริบอยู่ตรงหน้าปัดน้ำฝน ราวกับจะท้าทายอยู่ตลอดเวลา ฮาร์เปอร์หักเลี้ยวออกนอกเส้นทางไปตามถนนแถบชนบทซึ่งไม่ห่างจากตัวเมืองมากนัก พื้นถนนเปลี่ยนเป็นก้อนกรวดแบบหยาบโทรศัพท์มือถือถูกวางเอาไว้ยังคอนโซนเกียร์เพื่อให้มองเห็นโดยง่าย มีเพียงเสียงเพลงคลาสสิคเท่านั้นที่ยังดังกระหึ่ม ไม่มีเสียงตอบกลับและโทรศัพท์ยังวางนิ่งอยู่แบบนั้น กระทั่ง… มีข้อความเข้าว่า “Good Night” ไม่มีเวลาคิดและไม่มีเวลาตัดสินใจซ้ำสอง ประตูรถถูกเหวี่ยงออกขณะที่รถยังเเล่นไปข้างหน้าด้วยความเร็ว ไม่กี่ชั่วอึดใจ รถคันสีขาวก็กระจายชิ้นส่วนออกด้วยแรงระเบิด สะเก็ตติดไฟพุ่งไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ตัวรถที่เหลือกลายเป็นกลุ่มเปลวไฟเคลื่อนไปข้างหน้า มันพุ่งตกลงไปทะเลสาปเพราะไม่มีผู้บังคับพวงมาลัยให้หักหลบ พื้นฐานการต่อสู้จนเป็นสัญชาตณานทำให้ร่างกายไม่เอาส่วนเป็นข้อต่อกระแทกลงพื้น ส่วนสำคัญที่สุดที่ต้องรักษาคือช่วงศีรษะแต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่หัวจะไม่กระแทกกับพื้นถนนอันขรุขระไม่เป็นระเบียบและมีก้อนหินอยู่ประปราย เศษเหล็กปลิวตกไปตามทางและรอบตัว มือยังกำโทรศัพท์แน่นหลังจากตัดสินใจกระโดดออกมา ใช้สติที่เหลืออยู่ติดต่อไปหาเจ้าหน้าที่ แมทเธโอ มุราคามิ “ผมมีงานแกะรอยให้คุณทำ แต่ก่อนอื่นเรียกรถพยาบาลให้ผมที”รอบข้างมีเพียงความมืดและแสงไฟจากถนนไม่กี่ดวง หากในยามปรกติเขานอนไม่ได้ภายในความเงียบ นัยตากรอกไปมามองหมูดาวที่ขึ้นเต็มท้องฟ้า ได้ยินเสียงเพลงลอยลมมาแต่ไกล มันขับขานเป็นทวงทำนองของเพลง This Is Halloween 

 

 

 

 

 

 

 

 

         “คุณพร้อมที่จะสละชีพเมื่อปฏิบัติภารกิจหรือไม่?”
         “หากมันเป็นสิ่งที่ส่งผลดีที่สุดต่อเพื่อนร่วมทีมภารกิจและองค์กรผมก็ยินดี”
         “ตอบ’พร้อม’หรือ’ไม่พร้อม'”
         “พร้อมครับ”
         “คำถามต่อไป คุณพร้อมที่จะฆ่าคนหรือไม่?”
         “พร้อม…  ครับ”
        “คุณพร้อมที่จะก่อวินาศกรรมซึ่งเป็นเหตุทำลายทรัพย์สินและสิ่งแวดล้อมส่วนรวมและอาจคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์หรือไม่?”
         “ไม่พร้อมครับ”
         “คุณพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งถึงแม้คำสั่งนั้นจะสั่งให้คุณตายหรือไม่?”
         “พร้อมครับ”
         “ดีครับ มีอะไรจะถามผมไหม?”
         “ผมขออนุญาตถามหนึ่งคำถามครับคุณฮาร์เปอร์…  คุณพร้อมหรือไม่ที่จะสละชีพคนในทีมเพื่อความสำเร็จของภารกิจ”
 

 

 

 

 

 

 

         “พร้อม”
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
สรุปเหตุการณ์รวมของสมาชิกทีม H 
 
ฮาร์เปอร์ เจ้าหน้าที่ภาคสนาม : รถระเบิด ตัดสินใจกระโดดออกมาจากตัวรถ ทำให้มีบาดแผลฟกช้ำตามตัว และศีรษะแตกเย็บ 17 เข็ม 
แมทเธโอ มุราคามิ เจ้าหน้าที่ Tech Expert : ถูกทำร้ายเพื่อขโมยกระเป๋าแต่ไม่ได้ข้อมูลอะไรไป คนร้ายจึงกลับไปค้นที่ห้องพักอีกครั้งแต่กลับไปตรวจสอบทันและมีการประทะกันเล็กน้อย 
อีริค ลอว์ เจ้าหน้าที่ภาคสนาม :  ห้องถูกรื้อค้นเบื้องต้นตรวจสอบพบว่ามีเพียงของสะสมที่หายไป
ซัลลิเเวน เจ้าหน้าที่ Administrator  : มีการส่งจดหมายที่สอดแทรกผงแป้งไว้ข้างในเมื่อเปิดอ่านพบข้อความว่า “i’m watching you” และผงแป้งภายในนั้น(ตรวจสอบภายหลังพบว่าเป็นเพียงผงแป้งธรรมดาๆ) มีการส่งพัสดุไปหาที่ห้องพักเมื่อเปิดออกมาพบซากสัตว์ที่ตายแล้วซุ่มไปด้วยเลือด รวมถึงโทรศัพท์ลึกลับที่หาปลายสายไม่ได้โทรมาหาบ่อยครั้ง บางครั้งมีเพียงเสียงคนร้องไห้ บางครั้งไม่มีใครพูด เมื่อวางสายไปแล้วต้นสายก็จะโทรกลับมาใหม่ 
เลอร์วิค เจ้าหน้าที่สเปเชี่ยลลิส  : มีคนส่งภาพกิจวัตรประจำวันของเลอร์วิคมาให้ เป็นภาพทั่วไป เช่น ทานอาหาร/ออกกำลังกาย/เดินซื้อของแม้กระทั้งกำลังนอนหลับภายในห้องพักของเขามาให้ การส่ง ส่งเป็นรูปแบบพัสดุห่อสวยงามเหมือนกล่องของขวัญมีข้อความว่า “enjoy your day!!!”  ส่งให้ทุกวันโดยภาพทุกวันไม่ซ้ำกันและเป็นกิจกรรมภายในวันนั้นๆ
เอลดริจด์ เจ้าหน้าที่แผนกไบโอ : ถูกตัดสายเบรครถประจำตัว เมื่อประสบอุบัติเหตุแล้วมีรูปหนึ่งใบหล่นลงมาจากภายในตัวรถ เป็นรูปของสมาชิคในทีมทั้งหมดและใบหน้าของเอลดริจด์ถูกวงด้วยปากกาสีแดงเป็นรูปหัวใจ พร้อมข้อความเขียนว่า “just joking” ตอนนี้เข้ารับการรักษาที่ศูนย์แพทย์แห่งทริสเคเลี่ยน พบบาดแผลที่ใบหน้าเป็นรอยบาดลึกจากเศษกระจกที่ริมฝีปากลงมาจนเกือบถึงปลายคาง บริเวณเหนือคิ้วอีก1 แขนซ้ายและลำตัวบางแห่งมีแผลฉีกขาดและ มีรอยฟกช้ำอย่างหนัก ขณะนี้ยังไม่ออกจากห้องฉุกเฉิน
คอนนอร์ เจ้าหน้าที่แผนกไบโอ : ถูกตามด้วยรถแวนคันสีขาวใช้สำหรับส่งของติดฟิล์มสีดำไม่มีทะเบียนตลอดเวลาไม่ว่าไปไหนจะพบรถคันนี้ตลอด เมื่อเข้าใกล้ รถคันนี้จะหายไปหรือขับผ่านหรือเมื่อหนีจะรู้สึกว่าถูกตามจนไร้ที่หลบภัยก่อนที่รถคันนี้จะขับหายไปราวกับว่าแค่บังเอิญขับผ่านมา เมื่อรู้สึกปลอดภัยแล้วรถคันนี้จะขับวนกลับมาใหม่ และโดนรถคันนี้เฉี่ยวชนหนึ่งครั้งในยามดึกที่ออกมาข้างนอก 
  ♠

 

 

 

 

เผาไหม้… และมอดไหม้…

MISSION 1 : 0-8-4 [MISSION IMPOSSIBLE]

 

avatar.org

 

 

 

 

Team H

บริเวณท่าเรือในแมนฮัตตัน มีรายงานว่ามีวัตถุซึ่งน่าจะเป็น 0-8-4 ถูกซุกซ่อนไว้ภายใน โกดังมีลักษณะเป็นโกดังเก็บของร้างซึ่งมีขนาดเป็นสองเท่าครึ่งของขนาดปกติ ภายในโกดังมีเครื่องจักรในการขนย้ายสินค้าและชั้นเก็บสินค้าอยู่จำนวนมากซึ่งทั้งหมดไม่ได้รับการบำรุงรักษามาเป็นระยะเวลานานแล้ว ด้านในสุดของโกดังเป็นส่วนของสำนักงานซึ่งถูกปิดตายประตูไว้ อนุญาตให้เข้าค้นภายในได้

0-8-4 มีความสามารถในการปล่อยคลื่นความถี่ต่ำ ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิต

คำแนะนำ : แบ่งทีมค้นหาภายในตัวโกดังและส่วนสำนักงาน จะสามารถค้นหาได้รวดเร็วกว่าไปค้นหาพร้อมกัน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหัวหน้าทีมและสมาชิก

 

 

 

 

 

 

BXN0259X_02.tif

 

อุปกรณ์สำหรับการเข้าค้นหาวัตถุหมายเลข 0 – 8 – 4 จากการวิเคราะห์ของแผนกไบโอ
  • เครื่องตรวจสอบแหล่งกำเนิดคลื่น 2 เครื่อง โดยที่ตัวเครื่องจะประมวลผลข้อมูลทั้งหมดที่เก็บรวบรวมได้ส่งให้กับไบโอเคมิสต์ (คอนเนอร์) ที่ประจำการในแลปวิจัยเคลื่อนที่เพื่อสรุปผลส่งต่อมายังแต่ละ่หน่วยทีมที่ลงไปค้นหาวัตถุ
  • โดยทุกทีมจะได้รับจอโฮโลแกรมแบบพกพาเพื่อรับข้อมูลในระหว่างการค้นหา ( ทั้งหมด 3 เครื่อง )
  • เครื่องวิเคราะห์และระดับความถี่คลื่น สำหรับแยกประเภทคลื่นที่บันทึกได้ในเวลานั้น และวัดระดับความถี่คลื่นเพื่อระบุเป้าหมายที่กำลังสืบค้น ( ทั้งหมด 3 เครื่อง )
  • โดรนสำรวจ 6 ตัว เพื่อค้นหา และเก็บชิ้นส่วนตัวอย่างของวัตถุดังกล่าวเพื่อนำมาทดลองทางวิทยาศาสตร์ก่อนหาวิธีที่เหมาะที่สุดในการเคลื่อนย้ายออกจากสถานที่ดังกล่าว 

*(ในกรณีที่ไม่สามารถเก็บตัวอย่างออกมาตรวจสอบได้ ฝ่ายไบโอเคมิสต์จำป็นต้องลงไปตรวจสอบวัตถุดังกล่าวด้วยตัวเอง)

  • เครื่องมืออุปกรณ์สำหรับเคลื่อนย้ายวัตถุต้องสงสัย  แต่เนื่องจากยังไม่สามารถระบุขนาด และรูปร่างของวัตถุได้ อาจจำเป็นต้องติดต่อขออุปกรณ์ดังกล่าวภายหลัง

 

 

 

 

 

 

แผนการหลบหนี จากแผนก Tech Expert

  • สถานการณ์ปกติ : ใช้รถตู้ไป-กลับ ระหว่างท่าเทียบเรือ 54 และโกดังร้าง
  • สถานการณ์ฉุกเฉิน : มีรถเก๋งสองคันและมอเตอร์ไซค์หนึ่งคันจอดอยู่ไม่ห่างจากโกดังร้าง มีกุญแจรีโมทให้ไว้กับแต่ละทีม
  • ใช้เส้นทางตามที่ใส่ข้อมูลไว้ให้ในสมาร์ทโฟน เป็นเส้นทางที่แยกย้ายกันไป และไปรวมตัวกันที่สถานที่ลับ ที่นัดหมายกันไว้ เพื่อบินเฮลิคอปเตอร์กลับทริสเกเลี่ยนพร้อมกัน
  • สถานที่นัดหมายกรณีฉุกเฉิน : ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ชั้นที่ 42 ของอาคาร Goldman Sachs Tower อยู่ฝั่งนิวเจอร์ซีย์ อีกฟากของแม่น้ำฮัดสัน จะมีเจ้าหน้าที่ของชีลด์รออยู่ที่นั่น ที่ลิฟต์ตัวที่ 36 ให้ไปถึงที่หมายตามเวลาที่หัวหน้าจะนัดหมายไว้ล่วงหน้า

         หมายเหตุ : ถ้าจำเป็น เจ้าหน้าที่แมทเธโอสามารถเข้าไปแฮ็คระบบสัญญาณไฟจราจรได้ เตรียมการไว้พร้อม

 

 

 

 

 

 

photo ww1

 

 

แผนตรวจสอบ 0-8-4 แผนกภาคสนาม 

                          Alpha team         : M. Harper + E. Zack       รับผิดชอบ พื้นที่โซน 1

                          Beta team           : E. Law + M. Murakami   รับผิดชอบ พื้นที่โซน 2

                         Delta team           : A. Lewick + Q. Sullivan  รับผิดชอบ พื้นที่โซน 3

                             HQ                     : N. Corner สำรวจเส้นทางอยู่ข้างนอกเผื่อมีเหตุฉุกเฉิน

 

 

 

 

 

กระดูกกระทบ

หลุมศพสะท้อน

แว่วเสียงเพลงหลอน

คนจรไร้นาม

( ผจญภัยในสุสาน : The Graveyard Book )

 

 

 

01:23 PM

 

           โปสเตอร์ขนาด A3 สีซีดเต็มไปด้วยรอยยับยู้ยี้ปลิวสบัดไปตามสายลมของของอ่าวแมนฮัตตัน ดวงตาสีเหล็กอ่านทวนมันอยู่หลายครั้ง ผจญภัยในสุสาน เด็กพวกนั้นยกเพลงกล่อมเด็กสมัยโบราณมาใช้แต่มิได้ให้เครดิตแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องที่ดีที่เด็กพวกนี้ยังอ่านหนังสืออยู่บ้าง แม้จะไม่รู้ว่าต้นตอที่มาของเพลงนี้มาจากบทกวีประท้วงสังคม The Pauper’s Drive  ของโทมัส นูเอล ตีพิมพ์ในหนังสือ Rymes &  Roundelayes หน้า 200-201

 ‘Rattle his bones over the stones, He’s only a Pauper, whom nobody owns’

             มิคาเอล อมุนราห์ ฮาร์เปอร์ เจ้าหน้าที่ภาคสนามควบตำแหน่งหัวหน้าทีมเอช ตวัดสายตาสำรวจเด็กหนุ่มทั้งสองที่อายุไม่น่าจะถึง 18 ปี หนึ่งในสองเท้าข้อศอกกับตัวเคาท์เตอร์ ใบหูมีรอยแดงสดใหม่จากการระเบิดหู ซึ่งไม่น่าถูกหลักอนามัยนักเพราะบัดนี้มันกำลังบวมและเป็นสีม่วงจางๆ

             ณ บาร์ขนาดเล็ก กลิ่นเหม็นฉุนอวนไปทั่ว ทำให้สีผมแดงจัดและเขียวจัดอันแห้งเสียของเด็กหนุ่มทั้งสองไม่น่ามองไปชั่วขณะ ใบหน้าของพวกเขาซูบตอบจนเห็นสันกรามและโหนกแก้มชัดเจน ดวงตาลึกโบ้บวกกับริมฝีปากแห้งแตกสีคล้ำบางครั้งมันทำให้นึกถึงหัวกระโหลก  นิ้วมืออันมีคราบเหลืองสกปรกของเพื่อนผมแดงเคาะโต๊ะไม่เป็นจังหวะจนเหงื่อออกชุ่มมากจนดูผิดปรกติ ขณะที่เด็กหนุ่มผมเขียวกำลังแสดงท่าทีไม่ยี่หระและขยันขันแข็งในการจัดขวดเครื่องดื่มตามชั้นบาร์แต่เหลือบหางตามาเป็นระยะ เสื้อผ้าเนื้อหยาบส่งกลิ่นสาปฉุนแม้สีสันของมันจะดูใหม่ พวกเขากล้าพูดคุยแม้ไม่กล้าจ้องสบมาตรงๆ และบางครั้งแสดงอาการกระตุกอย่างเห็นได้ชัด ทว่านั้นไม่ใช่ประเด็นที่น่าสนใจนัก …. พวกข้างถนน แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่พวกสมองขี้เลื่อย

              “เฮ้ลุง!! ตกลงเอาไง?” หลังจากการเจรจา ด้วยเหตุว่าพวกเขาเป็นเจ้าของโปสเตอร์ โกดังร้างที่อยู่บริเวณท่าเทียบเรือหมายเลข 54 แหล่งเที่ยวสยองขวัญแห่งใหม่และเรื่องเล่าใหม่ของอ่าวแมนฮัตตัน แม้ว่าจะเป็นสถานที่เดิมๆ เเต่งเสริมเติมเรื่องลงไปทำให้ดูน่าเชื่อถือทั้งที่ไม่น่าเชื่อถือ พวกเขาอวดอ้างสรรพคุณของตัวเองนั้นรู้จักสถานที่แม้หลับตาเดินก็ยังได้ แต่พวกเขาไม่สามารถพาเยี่ยมชมโกดังร้างในเวลากลางคืนได้เพราะอาถรรพ์ที่ว่า ‘เมื่อท้องฟ้าเป็นสีดำสนิทหากใครเข้าไปแล้วจะไม่ได้กลับออกมาอีก’ ดังนั้นถึงแม้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปตอนกลางคืน

              ดูท่าวันนี้ภารกิจของทีมเอชจะไม่ได้อะไรมากนัก นอกจากฝึกทักษะการแสดงนิดหน่อย และเสียเวลาต่อปากต่อคำกับเด็กพวกนี้ กระทั้งยี่สิบนาทีที่แล้วที่พวกเขาโชว์ภาพที่อ้างว่าถ่ายจากกล้องฟิล์มของนักท่องเที่ยวที่.. ลืมกล้องไว้ในบาร์
              ฮาร์เปอร์ หยิบภาพถ่ายที่นอนนิ่งขึ้นมาพิจารณา ภาพนั้นคล้ายกับมีรังสีประหลาดแผ่กระจายออกมารอบๆ ตัวโกดังจากกลุ่มพลังงานบางอย่าง และดูท่าจะไม่ใช่ภาพตัดต่อแต่อย่างใด
             “มีใบเดียว?”
             “แน่น๊อนน แผ่นฟิล์มหายไปแล้ว เชื่อซื้อขนมกินได้ไม่มีใครโกหก อย่างน้อยก็ไม่โกหกพวกลุงๆ เฮ้!! อย่าเอาพวกผมไปบูชายันต์นะ ผมรู้จักกับตำรวจนะจะบอกให้!!!” นำ้เสียงเจื้อยแจ้วแม้บอกว่ากลัว ระคนเสียงหัวเราะพร้อมกับการบุ้ยใบ้ไปยังสมาชิคทีมที่เหลือ ที่นั่งออกันเต็มพื้นที่ของเคาท์เตอร์บาร์
            “5,000 ดอลล่าร์ ถ้าลุงอยากได้” คงเพราะใบหน้าที่แสดงอารมณ์จัดเจนของผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นหัวหน้าทีม ทำให้ถูกฟันราคายับเยินและเขาเองก็ไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด หนำซ้ำเขายังยอมวางบัตรประชาชนปลอมๆ ไว้เป็นหลักฐานค้ำประกันการเบี้ยวเงิน ฮาร์เปอร์หยิบภาพเข้ากระเป๋าเสื้อโค้ชสีเทาจางพร้อมกับยิ้มให้เด็กทั้งสอง
             “รอที่นี่” หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและพยักหน้าให้สมาชิคทีมที่เหลือ “เดี๋ยวจะมีคนเอาเงินมาให้” ก้าวเท้าออกจากมายังนอกร้านเพื่อรับอากาศสดชื่น ปลายนิ้วกดโทรออกยังสถานบำบัดผู้ติดยา
 

 

 

 

04:00 AM

 

              แรงยกเกิดขึ้นเมื่อใบพัดเฮลิคอปเตอร์หมุน แว่นกันแดดไม่ได้ถูกหยิบมาสวม เมื่อทัศนวิสัยภายนอกยังมืดสนิท ที่นั่งข้างของฮาร์เปอร์ถูกจับจองด้วยเจ้าหน้าที่ภาคสนามของชีลด์คนหนึ่ง เผื่อเหตุฉุกเฉินที่เขาไม่สามารถขับเฮลิคอปเตอร์อีกต่อไปได้ เบื้องหลังคือลูกทีมทั้ง 6 คน ประกอบไปด้วย
              มุราคามิ จากแผนก Tech Expert เด็กหนุ่มที่เปิดตัวด้วยคำว่าไม่มั่นใจและหวาดกลัว แต่ดูท่าจะไม่ใช่ในเมื่อเขาแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาชัดเจนหลายต่อหลายครั้งทำให้รู้สึกว่าน่าเอ็นดูอยู่กลายๆ
             เอลดริดจ์ เจ้าหน้าที่แผนกไบโอผู้ไม่สุงสิงกับใครถ้าไม่ใช่เรื่องงานจะค่อนข้างเงียบ แต่ก็ยังมีความคิดแปลกๆ ว่ามีคนที่แปลกกว่าตัวเขาเอง
             เลอร์วิค เจ้าหน้าที่ภาคสนามผู้เคร่งเครียดและอาจจะมากเกินไป
             ลอว์จากแผนกภาคสนามและซันลิเเวนแผนก Administrator ทั้งสองคงไปด้วยกันได้ดีเพราะมีโลกอันสดใสอยู่ตรงหน้าและรอบตัว
             ส่วนอีกคน คอนนอร์จากแผนกไบโอ ……ผู้ลึกลับ
             พวกเขาได้รับแจกอาวุธเป็นปืนสองกระบอก กระบอกแรกเป็นเพียงปืนไฟฟ้าเนื่องจากในคำสั่งปฏิบัติภาระกิจนี้ไม่ประสงค์ให้มีผู้เสียชีวิต กระบอกที่สองคือปืนพกเก็บเสียงเผื่อกรณีฉุกเฉินและอาจจะต้องฝ่าฝืนคำสั่ง ชุดออกภาคสนามสีดำสำหรับสวมใส่ในเวลากลางคืน พร้อมชุดกันกระสุน ระเบิดควันคนล่ะ 2 ลูก อุปกรณ์ติดตามคนล่ะตัวซึ่งเป็นกระดุมเม็ดเล็ก และสุดท้ายคือเอกสารที่ทุกคนกำลังง่วนศึกษาอย่างขมักเขม่น
             จากข้อมูลแผนเข้าสำรวจบริเวณอ่าวแมนฮัตตัน ณ โกดังร้างที่มีรายงานว่าพบวัตถุต้องสงสัย อยู่บริเวณท่าเทียบเรือหมายเลข 54 ที่ตั้ง 11th Ave. (at 13th St.)
            : ท่าเทียบเรือหมายเลข 54 หรือที่เรียกอีกชื่อว่า ท่าเทียบเรือเชลซี เป็นท่าเทียบเรือที่ไม่ใช้งานแล้ว ปัจจุบันเหลือแค่ส่วนโค้งตรงทางเข้าท่าเรือเท่านั้นที่บ่งบอกให้รู้ว่านี่คือท่าเรือสำคัญในอดีต แต่ยังสามารถนำเฮลิคอปเตอร์ลงจอดได้ โดยเฉพาะตอนกลางคืนจะไม่เป็นที่สังเกตุมากนัก หรือจะทำเป็นถ่ายทำภาพยนตร์บังหน้าก็ได้ มีกองถ่ายภาพยนตร์มาใช้งานบ่อย และมีถนนที่เชื่อมต่อกับท่าเรือที่สามารถให้นำยานพาหนะอื่นไปจอดเตรียมไว้ได้อีกด้วย
           : ตัวท่าเทียบเรือ 54 เอง ก็มีรายงานว่ามีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ในอดีตเป็นท่าเทียบเรือของสายการเดินเรือคูนาร์ด ที่เรือคาร์พาเทียนำผู้โดยสารจากเรือไททานิคที่จมมาส่งขึ้นฝั่ง และเป็นท่าเทียบเรือที่ปล่อยการเดินทางคร้ังสุดท้ายของเรือลูซิทาเนีย ก่อนจะอัปปางลงเนื่องจากถูกยิงในระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
           : ท่าเทียบเรือ 54 ถูกไฟไหม้ในปี 1932 จนเลิกใช้งานไปพักใหญ่ และถูกทุบทิ้งในปี 1991 จนเหลือแต่ส่วนโค้งหน้าทางเข้าตามรูปข้างต้น และเลิกใช้งานเป็นการถาวร
           : โกดังร้างอยู่เลยขึ้นไปทางเหนือประมาณหนึ่งกิโล เดิมเป็นโกดังเก็บของของบริษัทของเล่นแห่งหนึ่ง แต่ถูกทิ้งร้างโดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด โดยยังมีเครื่องจักรในการขนย้ายสินค้าและชั้นเก็บสินค้าอยู่จำนวนมากซึ่งทั้งหมดไม่ได้รับการบำรุงรักษามาเป็นระยะเวลานานแล้ว ด้านในสุดของโกดังเป็นส่วนของสำนักงานซึ่งประตูถูกปิดตายไว้
           : โกดังแห่งนี้ มีพื้นที่กว้างกว่าโกดังปกติประมาณสามเท่า และมีสามชั้น
               ชั้นล่าง เป็นส่วนของ Pedestal of Mirrors
               ชั้นที่สอง เป็นส่วนของชั้นวางสินค้า Abandoned Merchandise
               ชั้นที่สาม เป็นส่วนของสำนักงานที่มีบันไดเวียนแคบๆสำหรับเดินขึ้นไป
              ดังนั้นคำสั่งจากเขาจึงให้ลูกทีมแต่ล่ะคนทำตัวให้เหมือนพวกกองถ่ายมาถ่ายทำภาพยนต์เพื่อไม่ให้เป็นจุดสังเกตมากนัก หากมีบุคคลสงสัยถามให้ตอบไปว่า
              • นักแสดง extra คือตัวฮาร์เปอร์เอง (เอกสารวางปูมหลังกำกับเพื่อช่วยให้เข้าถึงบทบาทในการปลอมตัวและตอบคำถาม : คุณชายหน้าตาดีลูกคนเดียวของบ้านที่เบื่อชีวิตหรูหราจึงออกมาใช้ชีวิตแบบบ้านๆ หาเงินเอง)
              • ผู้กำกับคือมิสเตอร์เอลดริดจ์ (แจก เอกสารวางปูมหลังกำกับเพื่อช่วยให้เข้าถึงบทบาทในการปลอมตัวและตอบคำถาม : ผู้กำกับของกองถ่าย ตอนเด็กเติบโตมาอย่างลำเค็ญ หวังจะถ่ายหนังอินดี้เพื่อส่งเข้าประกวดเมืองคานส์)
              • มิสเตอร์เลอร์วิค คนขับรถของกองถ่าย ทำงานจับฉ่ายบางครั้งควบบทผู้กำกับกับฝ่ายสถานที่ (แจก เอกสารวางปูมหลังกำกับเพื่อช่วยให้เข้าถึงบทบาทในการปลอมตัวและตอบคำถาม : ทหารพรานวัยปลดระวางผันตัวเองมาทำหนังเพื่อชีวิตแต่ไปไม่รอด เปลี่ยนงานหลายครั้งจนกลายมาเป็นคนขับรถ ความฝันสูงสุดคืดพรมแดงของเทศกาลหนังเมืองคานส์)
              • มิสเตอร์มุราคามิและมิสเตอร์ซัลลิเเวน แผนกช่างไฟ และงานกรรมกรจิปาถะ (แจก เอกสารวางปูมหลังกำกับเพื่อช่วยให้เข้าถึงบทบาทในการปลอมตัวและตอบคำถาม : สองคนนี้เป็นเด็กในชนบทที่เป็นเพื่อนสนิทกันและรักหลงไหลในเรื่องเหนือธรรมชาติและวิทยาศาสตร์เคยลงขันกันเพื่อไปศึกษามนต์ดำที่เขมร)
              • คอสตูม มิสเตอร์คอนนอร์ (แจก เอกสารวางปูมหลังกำกับเพื่อช่วยให้เข้าถึงบทบาทในการปลอมตัวและตอบคำถาม : เกย์หนุ่มไฟแรงที่จับพลัดจับพลู่มาตกระกำลำบากกับกองถ่ายนี้ด้วยความจำเป็นที่จะต้องใช้เงิน ชอบกระดกนิ้วเวลาดื่มน้ำ)
              • ผู้จัดการส่วนตัว มิสเตอร์ลอว์ (แจก เอกสารวางปูมหลังกำกับเพื่อช่วยให้เข้าถึงบทบาทในการปลอมตัวและตอบคำถาม : เด็กหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นเบ้ส่วนตัวมากกว่าผู้จัดการ ประวัติไม่แน่ชัดอาจจะถูกนักแสดงสมทบตกมาจากบาร์โทรมๆสักแห่ง)
              เมื่อรับเอกสารไปครั้งแรก บางคนทำหน้าขบขัน บางคนทำหน้าประหลาดใจระคนสงสัย หรือบางคนทำหน้าขยาด และดูเหมือนบางคนจะดูสนุกสนานไปกับมัน
 

             ภารกิจ 0-8-4 ทำให้สมาชิกทีมเอชตระเวนสอบถามและตรวจสอบข้อมูลไปรอบอ่าวแมนฮัตตันด้วยการสมอ้างเป็นกองถ่ายหนังอินดี้เกี่ยวกับผีแวมไพร์ และเมื่อเวลา 01:23 PM จึงพบกับโปสเตอร์ทัวร์โกดังผีสิงเฉพาะกลุ่มของวัยรุ่น และจากคำให้การพอจับใจความได้ว่า

                    ในตอนกลางคืนมีแสงวูบวาบออกมาจากโกดัง 
                     มีเสียงบรรเลงเพลงที่เขาว่ากันว่ามาจากนรก 
                     มีเสียงหวีดร้องและมีการถ่ายภาพติดวิญญาณ 
                    ใครที่เข้าไปแล้วจะไม่ได้ออกมาอีก
            เมื่อเช็คให้แน่ใจว่าตรงกับข้อมูลที่มี ไม่รอช้าพวกเขาจึงตามหาเจ้าของโปสเตอร์และเจอกับบาร์เล็กๆ แห่งนั้น เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว จึงได้ดำเนินการตามแผนการของเลอร์วิค ด้วยการแบ่งสมาชิกทีมลงสำรวจพื้นที่พร้อมกับ โดรนทีมล่ะสองตัว สำหรับแผนการเคลื่อนย้ายวัตถุต้องสงสัยและเจ้าหน้าที่ชีลด์ออกจากสถานที่ให้ดำเนินตามแผนของมุราคามิ 

 

 

 

07:30 PM

 

             มันตั้งตะหง่าอยู่เบื้องหน้าด้วยสีทะมึนทึน ใหญ่โตและสงบนิ่ง รวมถึงบรรยากาศอันเงียบงันโดยรอบ ไม่มีแสงไฟที่เล็ดรอดออกมาหรือวี่แววของสิ่งมีชีวิต แสงไฟอันริบหรี่จากถนนไม่ช่วยอะไร และดูท่าจะถูกดูดกลืนหายเข้าไปในความมืดในเวลาอันรวดเร็ว
             ชุดสีโทนสว่างถูกพับไว้อย่างเรียบร้อยแล้ววางมันลงยังกระเป๋ารูดซิบปิด ผมสีทองอ่อนถูกรวบตึงเก็บไว้เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนไหว รองเท้าคอมแบทสีดำสนิทเคลื่อนไหวไปมาบนพื้นคอนกรีต ขณะท้องฟ้าสีแดงก่ำกำลังเปลี่ยนเป็นสีดำด้วยมวลเมฆที่กลืนกินไปอย่างรวดเร็ว ราวกับสลัดม่านสีดำพาดผ่าน ซึ่งเข้ากับชุดภาคสนามที่กำลังสวมใส่  ‘เมื่อท้องฟ้าเป็นสีดำสนิทหากใครเข้าไปแล้วจะไม่ได้กลับออกมาอีก’
             พวกเขาเช็คอุปกรณ์ทุกอย่างว่าพร้อมแล้ว ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าหัวหน้าจึงให้สัญญาณการออกสำรวจ และให้ทุกคนกลับมาพบกันที่จุดนัดพบเวลา 09:00 PM
            แทบจะทันทีเมื่อย่างเหยียบเข้าไปในบริโกดังร้าง อากาศก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน เริ่มจากเสียงหวีดร้องเล็กๆ กระแสลมเย็นที่เริ่มเลียบพื้นขึ้นมาตามแนวกระดูกสันหลัง ชวนให้ขนลุก ก่อนประตูเหล็กจะดังกึกกักเพราะเเรงปะทะของสายลมที่รุนแรงขึ้น หากเป็นเด็กชายสักคนคงจะร้องกระจองอแงหรือเรียกร้องหาไม้กางเขนสักอันให้อุ่นใจ แต่หาใช่เขาไม่ เขาเชื่อในพระเจ้า แต่ไม่เคยเชื่อในเรื่องของวิญญาณหรือภูติผี เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจูดาสคงกลับมาหาเขาเเล้ว
            มุมปากคลี่ยิ้มน้อยๆ ขณะอ่านพิกัดและข้อความรายงานตัวของลูกทีมแต่ล่ะคน จากแผนปฏิบัติฮาร์เปอร์จับคู่ทีมค้นหากับเอลดริดจ์ พวกเขาได้เข้าสำรวจในพื้นที่โซน 1 โดยผู้ทำหน้าที่ใช้โดรนคือคนของแผนกไบโอ ส่วนตัวฮาร์เปอร์เองเป็นคนคอยคุ้มกัน 
           พระจันทร์หลังม่านเมฆสีกาฬคล้อย การสำรวจยังไม่พบสิ่งใดนอกจากความมืดและเสียงลม โดรนตัวแรกถูกส่งไปสำรวจตามชั้นหน้าต่าง แม้ว่าพื้นที่จะมืดแต่เมื่อปรับสายตาให้ชินก็พอมองเห็นได้ พวกเขาเดินง่วนกันอยู่ในชั้นที่ 1 ทุกอย่างปรกติดี กระทั้งมีวัตถุบางอย่างเคลื่อนผ่านหน้าจอโฮโลแกรมแบบพกพา มีเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นตามหลัง พวกเขาทั้งสองชะงักก่อนเคลื่อนตัวผ่านความเงียบเข้าไปหลบในแถบชั้นวางของเก่าๆ ก่อนที่เสียงแปลกปลอมจะเงียบไปจึงเริ่มขยับตัวใหม่ พลันเสียงนั้นก็กลับมาอีก พร้อมลำแสงส่องกระพริบไปมาและเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว และใกล้เข้ามาเรื่อยๆ 
            แว่นตาจับคลื่นพลังงานถูกหยิบขึ้นมาสวม พลันความมืดรอบตัวก็หายไป เขายืนสงบนิ่งเฝ้ามองกลุ่มพลังงานสีของสิ่งมีชีวิตเคลื่อนผ่าน มนุษย์ พวกเขามองหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมายและปล่อยให้สองคนนั้นเดินผ่านไป ก่อนพยักหน้าให้สัญญาณและเริ่มติดตามพวกนั้นไปช้าๆ โดยทิ้งระยะห่างเอาไว้สามเมตร 
           ทั้งสองคนเป็นผู้ชายสูงราวหกนิ้ว ท่อนขาอันแข็งแรงก้าวเร็วขณะสาดแสงไฟฉายไปทั่ว คล้ายกับจะบอกว่ารีบทำให้มันจบไป มีครั้งหนึ่งที่ชายคนเตี้ยกว่ายกมือขึ้นปาดเหงื่อทั้งที่อากาศหนาวเย็น โดยไม่ทันตั้งตัวแสงไฟก็สว่างขึ้นมาตรงหน้าก่อนจะมีเสียงของหล่นกระแทกขึ้น 
           กระบอกไฟฉายที่หล่นจากมือกลิ้งมากระทบข้อเท้าแล้วม้วนตัวไปมาสี่ห้าครั้งก่อนสงบนิ่ง เสียงสถบทดังมาแต่ไกล ดวงตาสีเหล็กมองผ่านคลื่นรังสี การเคลื่อนไหวของมนุษย์ทั้งสองทำให้เขาหลบไปในมุมมืดของซอกชั้นวางของโดยไม่ลืมฉวยเอาไฟฉายไปด้วย 
          ตรงจุดนี้ไม่กว้างเกินไปหรือแคบเกินไปสำหรับซ่อนตัว มันจะเป็นสถานที่อันเหมาะเจาะหากทางเดินลึกเข้าไปไม่ใช่ทางตัน ตู้ถูกผลักมากองกันจากทั่วสารทิศ หากจะพังออกไปไม่ใช่เรื่องยากแต่ผลที่ตามมาคงไม่สวยนัก และฟ้าฝนคงไม่เป็นใจสำหรับแผนการสำรวจครั้งนี้ เมื่อพื้นยางของรองเท้าเหยียบลงไปยังเนื้อพลาสติกของตุ๊กตาตัวหนึ่ง เป็นเหตุให้ต้องก้มมอง ผมสีแดงของมันมีรอยขาดเป็นกระจุกขณะที่มือสองข้างกางออกในท่าเตรียมตรึงกางเขนหรือรอโอบกอดด้วยความรัก มันยิ้มแป้นขณะส่งเสียงตามแบบฉบับตุ๊กตาเด็กเล่น
         “ฉิบหายย!!” 
          ไม่ใช่เสียงของเขา แม้มันจะใช้เป็นเสียงพูดแทนสถานการณ์ตอนน้ีได้ และน้ำเสียงนั้นหยาบกระด้างเกินไปที่จะเป็นของเอลดริดจ์อีกด้วย 
         “ผี!!”
        “ผีไม่มีจริง!!!!”
        “แล้วเมื่อกี้จะเป็นเสียงของอะไร!!!!”
        “ก็ไปดูด้วยกันสิวะ!!”
       “ไปดูคนเดียวสิวะ!!!!”
       “จะขึ้นเสียงทำไมวะเฮ้ย!!!!”
         แม้ไม่เห็นท่าทางการสนทนาก็พอเดาได้ว่ามีการฉุดกระชากลากถูกันไปมา จนอดไม่ได้ต้องสงสัยว่าผู้ว่าจ้างกลุ่มคนพวกนี้คิดอะไรอยู่ถึงเอาพวกสมองขี้เลื่อยมาลงภาคสนาม 
        “แต่.. แต่ไฟฉายไม่มี”
        “ช่างแม่ง ถ้าไม่มาก็รอตรงนี้!!!”
       “เดี๋ยว!!! รอด้วยย!!!”
        เป็นไปตามคาดเมื่อฝีเท้าพวกเขาเข้ามาใกล้ พวกมันมากันสองคน และทั้งสองก็เป็นพวกชอบแหกปากเสียงดังเสียด้วย มีให้เลือกอยู่สองทางคือจัดการเงียบๆ หรือกระแทกตู้ให้หล่นทับแล้วเริ่มเปิดฉาก หากเป็นแบบนั้นจริงแผนการสำรวจในวันน้ีคงต้องล่มเพราะคนที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้า แต่ไม่มีอะไรจะเสีย ฮาร์เปอร์มองไฟฉายที่ยังอยู่ในมือสลับกับผู้ร่วมทีมย่อยอีกคนสองสามครั้ง 
        ลำแสงจากกระบอกไฟเปิดปิดไปมาหลายครั้งเหมือนส่งรหัสมอสประกอบเสียงพายุด้านนอก เปิดกระพริบไปมาก่อนจะฉายส่องไปยังทิศตรงข้ามที่มีกองตุ๊กตาขาดด้วยฝีมือของหนู เสียงกังวานของฝีเท้าหยุดชะงัก ตุ๊กตาพลาสติกตัวเดิมยังแน่นิ่งอยู่ใต้เท้าแล้วมันก็ถูกเตะออกไปข้างนอก เพียงชั่วพริบตากลุ่มชายชุดดำผู้ขวัญอ่อนจะวิ่งกระเจิงล้มลุกคลุกคลานหายไปกับความมืด ฮาร์เปอร์มองกระบอกไฟฉายในมือนิ่ง ไม่ช้าข้อความรายงานจากทีมย่อยที่เหลือก็ถูกส่งมา เนื้อหาใจความว่าด้วยเรื่องที่เห็นพ้องต้องกัน 
 

 

 

10:00 PM 

 
          สันนิฐานแรกคือกลุ่มคนพวกนี้เป็นพวกปล่อยข่าวเรื่องผีของโกดัง แต่ต่อมากลับไม่ใช่ เมื่อพวกเขาแสดงท่าทีหวาดผวากับเสียงการเคลื่อนไหว หรือแม้กระทั่งของตกเพราะลมพัด ทีมเอชจากแผนผู้เข้าสำรวจบัดนี้กลายเป็นผู้บุกรุกหมายเลขสอง หลังจากประชุมและสรุป แผนการทั้งหมดจำเป็นต้องล้มเลิกเพราะเกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด แผนสำรองของสถานการณ์ถูกหยิบมาใช้  และบัดนี้พวกเขาตั้งตัวเป็นผู้ช่วงชิง
  •  มุราคามิพร้อมกับเลอร์วิคเข้าไปขโมยข้อมูลในแลปท๊อปของพวกเขาที่ ตั้งอยู่ด้านตัวอาคารสำนักงานใหญ่ชั้น 3 ในห้องที่รับข้อมูลมากว่าถูกปิดตายเอาไว้ จากการสำรวจพบว่ามันถูกเปิดออกและใช้เป็นแหล่งประชุมใหญ่ของกลุ่มทีมคนชุดดำ และเพราะเป็นส่วนที่อยู่ลึกจึงมียามเฝ้าประตูเพียงสองคนและผลัดเวรกันทุกสามชั่วโมง และเพราะอยู่ในส่วนลึกและมีบรรยากาศวังเวงจึงไม่ค่อยมีใครอยากเข้าไปภายในห้องเท่าใดนัก
  • เอลดริดจ์กับลอว์ซัลลิแวนให้ตามกลุ่มทีมหาอีกกลุ่มที่อยู่ชั้น 2 เผื่อเข้าใกล้ 0-8-4 และตรวจสอบว่าเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้หรือไม่ และให้นำอุปกรณ์ตรวจสอบความถี่คลื่นเตรียมมาไปใช้ด้วย
  • ฮาร์เปอร์และคอนนอร์อีกให้สำรวจรอบๆ พื้นที่และชั้น 1 เพื่อคุ้มกันเปิดทางการหลบหนี และคอยรับไฟล์และแบ็คอัพข้อมูลสำรองเอาไว้
          ทั้งนี้ผู้เป็นหัวหน้ายังสั่งการให้ลูกทีมสร้างความปั่นป่วนเล็กๆ น้อยๆ เรื่องภูติผีเพิ่มประสบการณ์เสียวในชีวิตแก่พวกชายชุดดำ 
 

 

 

01:30 AM

 
           ภายในโกดังมืดสนิท อาการเย็นยะเยียบเพราะพายุฝน คอนนอร์ถูกสั่งการให้จัดเก็บไฟล์ข้อมูลที่ทีมย่อยส่งมา เขานั่งบนโต๊ะบริเวณชั้นเก็บของที่กองทับถมซึ่งเป็นจุดลับตาและแถวชั้นของตู้โชว์ช่วยบดบังเเสงจากจอคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี 
           ฮาร์เปอร์ มองเวลาของเข็มนาฬิกาบนข้อมือ ก่อนจะสวมแว่นตาอินฟาเรดอีกครั้งและกวาดสายตาไปรอบๆ ตรวจสอบความเคลื่อนไหวภายในโกดังและคุ้มกันให้ลูกทีมนี่คือภารกิจของเขาในตอนนี้ เขาอยู่ในท่าเตรียมพร้อมขณะที่นั่งอยู่บนซากตู้โชว์ของเก่าๆ ที่ค่อนข้างเเข็งแรง  ก่อนหน้านี้ไม่กี่นาทีมุราคามิส่งข้อความและไฟล์ที่จารกรรมมาและเลอร์วิคปลอดภัยดี ฮาร์เปอร์ส่งสัญญาณมือให้กับลูกทีมที่อยู่ข้างล่างเพื่อเตรียมตัวออกจากที่นี้ 
           เข็มนาฬิกาเดินผ่านความมืดและเสียงฝนภายนอก มีบางครั้งที่กระแสลมจะลอดตัวผ่านช่องว่างเข้ามาให้รู้สึกหนาวเย็น และเป็นบางครั้งที่เสียงลมกระโชกแรงบวกกับเสียงฟ้าผ่าจะเกิดขึ้นในบริเวณใกล้ๆ แต่นั้นไม่ใช่สาเหตุเสียงของการสั่นไหวของพื้นและเพดานเหนือหัวขึ้นไปในตอนนี้
            เสียงอึกทึกระคนเสียงปืนดังสนั่นไปตามแนวบันไดเวียนและลามลงมาชั้นล่าง เมื่อมองผ่านสีสันของแว่นอินฟาเรด สีจากอุปกรณ์ติดตามทำให้รู้ว่าเป็นลูกทีมของเขาสองคนกำลังงุ่นง่านวิ่งนำกลุ่มผู้ตามติดมาอีกเจ็ดคน ฮาร์เปอร์กรอกตาพลางนึกย้อนไปยังแฟ้มประวัติส่วนบุคคลของเลอร์วิค เจ้าหน้าที่ภาคสนาม เขายกสัญญาณมือขึ้นอีกครั้งเพื่อบอกคอนนอร์ให้รอก่อนและอยู่เฉยๆ ปล่อยให้พวกนั้นวิ่งจนกว่าจะเข้ามาอยู่ในจุดที่เขากำหนดเพื่อนัดพบกันเสียก่อน  
           เสียงกระสุนดังตามหลังมาติดๆ เมื่อมุราคามิเป็นลูกทีมคนสุดท้ายที่วิ่งเข้ามา ฮาร์เปอร์คว้าระเบิดควันที่พกไว้ใต้เข็มขัดเเล้วโยนลงไป้างล่าง เกิดกลุ่มหมอกควันสีเทาจางๆ แล้วขึ้นสีเข้มเรื่อยๆ  และด้วยความรักและความห่วงไยของ มิช้าสองขาจึงดีดตัวลงมาและบรรจงถีบลูกทีมผู้น่าเอ็นดูของเขากระเด็นออกไปให้พ้นวิถีกระสุน
           มันมีข้อแตกต่างระหว่างถูกคนรู้จักหรือไม่รู้จักถีบ เพราะอย่างน้อยถ้าถูกคนรู้จักถีบ .. .ถ้าคุณเป็นอะไรไปผมก็ยังสามารถพาคุณไปโรงพยาบาลได้
           ส่งสัญญาณมืออีกครั้งให้คอนนอร์ลากมุราคามิไปยังจุดปลอดภัย ให้เหลือพื้นที่เอาไว้สำหรับเขาและเลอร์วิคเพียงสองคน
          “คุณเอาไปสามแล้วเปิดทางให้คนที่เหลือ” บอกแค่นั้นและไม่มีเวลาหันไปสนใจสิ่งใดอีก เมื่อมีเพื่อนใหม่ตรงหน้า หากเป็นบทหนังเวลานี้เขาคงกำลังเข้าฉากต้องสู้สำหรับสี่ต่อหนึ่ง แม้จะไร้แสงไฟหรือไฟฉายเพื่อส่องสว่างแต่ก็หาได้มีผลต่อกลุ่มชายชุดดำไม่ เพราะดูเหมือนว่าม่านตาทั้งสี่คู่ได้ปรับเข้ากับความมืด พร้อมหันปลายกระบอกปืนสี่กระบอกมาทางเขา
          ในชั้นล่างพวกมันมีกันเจ็ด และทราบจำนวนแน่ชัดผิดกับกลุ่มของเขา ที่พวกมันยังไม่รู้แน่ว่ามีกันกี่คน ประเมินด้วยสายตากับท่าทีลังเลจะพุ่งเข้ามาและยังเกาะกลุ่มกันไว้ ดังนั้นแทนที่จะเลือกปะทะเข้าตรงๆ ฮาร์เปอร์เลือกเลือนหายไปกับความมืด เหยียบย้ำฝีเท้าให้เกิดเสียง เฝ้ามองความเป็นไปอย่างผู้ล่า กระบอกไฟฉายที่ติดตัวมาถูกนำมาใช้ประโยชน์เพื่อฉายแสงล่วงตำแหน่ง
          เมื่อเกิดความปั่นป่วนภายในฝูง สัตว์ตัวที่ตื่นตระหนกและแตกฝูงมักถูกจัดการเป็นตัวแรก และชายที่นอนนิ่งแทบเท้าก็เช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้ไม่กี่นาทีที่กระบอกปืนในมือหยาบกร้านส่ายไปมาพร้อมสองขาที่ก้าวเดินอย่างหัวเสีย ก่อนจะถูกฟาดเข้าที่จุดตายท้ายทอยอย่างจัง
          เมื่อสัตว์ในฝูงหายไปหนึ่งความระแวงระวังภัยจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว ชายชุดดำเกาะกลุ่มกันเหนียวแน่นเพื่อต่อสู้กับสิ่งที่มองไม่เห็น กระป๋องสีที่ตกอยู่ตามชั้นถูกกลิ้งเข้าไปหาก่อนผู้ลงมือทำจะหลบไป ตามด้วยเสียงกระสุนที่ดังขึ้นมาตามติดๆ ไม่ช้าลูกปืนก็หมดแม็ก สิ่งเดียวที่ยังพอทำได้คือพาสองขาวิ่งกลับจุดปลอดภัย และแล้วเวลาของการไล่ล่าของจริงก็เริ่มขึ้น
           กระสุนมีอยู่จำกัดข้อนี้เขารู้นี้ เมื่อมองผ่านภาพรังสีความร้อน กระสุนไฟฟ้าก็ทะยานออกไปตามแรงโน้มถ่วงแล้วตกแบบโปรเจคไทร แม้ว่าวันนี้เขาจะไม่ได้พาอดัมและอีฟออกมาเที่ยวเล่นก็ตามที แต่ปืนที่ใช้ก็ถือว่าเหมาะมือในมาตรฐานของคำว่า’พอทน’
          ท่ามกลางเสียงแหวกอากาศของลูกกระสุน ทำนองคีตาไม่คุ้นหูก็ดังขึ้น ตามมาด้วยแสงสีขาวสว่างจ้า แต่ยังไม่มีใครหยุดขยับการเคลื่อนไหว และบัดนี้เหมือนกับว่าพวกเขาทั้งหมดกำลังย้อนไปในเด็กที่วิ่งเล่นท่ามกลางสวนสนุกคลอไปด้วยเพลงเสียงหวาน และเมื่อผ่านทางตรงบันไดเสียงที่ได้ยินก็ดังกว่าเดิม
          พวกมันหนีรอดไปได้สองเพราะการเสียสละของเพื่อนตัวใหญ่ที่เลิกวิ่งแล้วหันมาเผชิญหน้า ต้นทางถูกเปิดไว้เรียบร้อยพร้อมกับสัญญาณรายงานตัวของลูกทีมที่ดังราวกับจะบอกว่าหมดเวลา เหลือเพียงการวิ่งไปยังประตูทางออก แต่ก่อนหน้าต้องผ่านชายร่างใหญ่ที่ยืนขวางทางออกไป และคงจะเป็นธรรมเนียมว่าการสู้ตัวต่อตัวนั้นห้ามใช้อาวุธ ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจึงโยนกระบอกปืนทิ้งให้พ้นทางแล้วตั้งท่าในท่าเตรียม
           ฝั่งตรงข้ามเริ่มต้นด้วยท่าง่ายๆ ด้วยการปล่อยมัดออกมาธรรมดา ทำให้เขาย่อตัวหมุนเข้าไปหาอย่าง 180 องศาพร้อมกับฟันศอกก่อนคว้าต้นคอหนาและแขนเพื่อจับทุ่ม ฮาร์เปอร์ปล่อยให้ชายชุดดำโซเซลุกขึ้นมาเพื่อเริ่มใหม่
         “โอกาสยังมีนะครับ” กล่าวสุภาพราวกับเป็นการซ้อมกีฬาทั่วไปพร้อมรอยยิ้มที่ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะเห็นหรือไม่ เพราะอุปกรณ์ที่พกมาทำให้ได้เปรียบในการมองเห็นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะโต้กลับ เขาทำเพียงรอให้อีกฝ่ายขยับตัวและตอบโต้เท่านั้น
           ในจังหวะสองขาที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อถูกแตะตวัดเมื่อเท้าหน้าลงน้ำหนักเพื่อก้าว ชายชุดดำล้มลงแล้วตวัดตัวขึ้นมาใหม่ก่อนจะคว้าเอาท่อนเหล็กอันเย็นชืดขึ้นมา สันของมันได้ฟาดเข้ากับใบหน้าอย่างจัง
           “สักทีเถอะ!!” น้ำเสียงแหบห้าวดังมาดูหงุดหงิดไม่น้อย แม้มองไม่เห็นก็รู้สึกได้ถึงรสเค็มของเลือดในปาก มุมปากปวดตุบ แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าวัตถุเย็นแวววาวในข้อมือฝ่ายตรงข้ามที่ครูดผ่านใบหน้าไป แม้จะเป็นเพียงระยะสั้นๆ สร้อยข้อมือหนาม? 
                สันกรามขบเป็นนูนสัน ชั่วพริบตามือใหญ่ยันกำแพงเพื่อใช้เป็นที่รับแรงพร้อมด้วยการม้วนตัวกระโดดถีบอีกฝ่ายจนล้ม แล้วพุ่งเข้าไปล๊อคคอเอาไว้ ท่อนแขนข้างหนึ่งบีบรัดต้นคอแน่นราวกับคีบขณะอีกฝ่ายทำการตอบโต้ด้วยการจิกข่วนและทุบตีกลับ มืออีกข้างดึงคอเสื้อเพื่อให้ชายผ้าสีมืดแนบไปกับลำคอเพื่อปิดทางเดินของเส้นเลือดใหญ่ที่ไปเลี้ยงสมอง และเมื่อเขาแน่นิ่งไปฮาร์เปอร์จึงใช้ชายผู้น้ีเป็นโล่มนุษย์ป้องกันอันตรายจากผองเพื่อนของพวกเขาเอง
             แสงสว่างยังคงฉาดฉายมาต่อเนื่องราวกับแสงเฟลชถ่ายภาพและยิ่งปล่อยไว้เป็นเวลานานความเข้มของแสงดูจะมากขึ้นตามไปด้วย มันทำให้เกิดความมึนงงไปชั่วขณะ เสียงร้องระงมของชายชุดดำเริ่มบรรเลงแข่งกับเสียงเพลงที่มีอยู่ก่อน การต่อสู้เริ่มเป็นไปอย่างยากลำบาก และดูท่าทีมเอชจะได้เปรียบเพราะสวมแว่นตาอินฟาเรด และไม่กี่นาทีต่อมาพวกเขาเหล่านั้นจะตัดสินใจหนีมากกว่าอยู่เพื่อสู้ต่อ 
             ระเบิดขนาดผลลูกส้ม จากอีกฝั่งถูกปาออกมาพร้อมๆ กันเมื่อหัวหน้าทีมฝั่งตรงข้ามส่งสัญญาณ แรงอัดกระแทกและเปลวเพลิงพวยพุ่งมาตามหลังในไม่ช้า ปลายลิ้นร้อนไหลขึ้นแตะเพดาน กองกระดาษและชั้นวางของไปทั่ว แสงสีส้มเหลืองขับไล่สีดำมืดออกไปให้พ้นทาง โอบกอดทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในอ้อมแขนเพื่อหลอมละลายไปด้วยกัน ไม่ช้าโกดังร้างสีทมิฬก็ลุกโชนไปด้วยเปลวไฟ 
             เมื่อมีแรงอัดของระเบิดฮาร์เปอร์ล๊อคคอชายในอ้อมแขนไว้แน่นราวกับคนรักที่ไม่ต้องการพรากจากกันอีก และใช้เขาคนนั้นเป็นที่กำบังแรงอัดจากเศษสิ่งของอีกที ชายชุดดำดูแน่นิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะถูกเตะข้อพับให้ล้มลงแล้วมัดด้วยเชือกปอที่ควานหาได้ในบริเวณนั้น ฮาร์เปอร์ฉุดรั้งกระชากร่างชายผู้สิ้นท่าขึ้นมาแล้วลากให้กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปสมทบกับลูกทีมที่เหลือขณะที่กองเพลิงยังลุกโชนอยู่เบื้องหลัง
             ‘หากมีเหตุปะทะผมอยากจับเป็น’ 
             หลังจากพ้นจากม่านเขม่าควันตรงทางออก เขาพบลูกทีมที่เหลือและชายชุดดำอีกหนึ่ง กำลังอยู่ในท่าคุกเข่ามือไพล่หลังนั่งบนพื้นคอนกรีต เป็นเรื่องน่ายินดีเมื่อผู้ร่วมทีมจำคำพูดของเขาได้หรืออย่างน้อยก็คิดได้ว่าควรจับเป็นพวกฝั่งตรงข้ามมา ฮาร์เปอร์จัดการส่งชายที่จับมาได้ลงไปนั่งกับคนที่นั่งอยู่ก่อนจะได้ไม่เหงา 
            “มีอะไรอยากพูดไหมครับ?” น้ำเสียงถูกถ่ายทอดออกไปเสมือนคำถามธรรมดาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ชายชุดดำทั้งสองมองนิ่งไปข้างหน้าไม่ปริปากเอ่อถ้อยคำใดๆ ก่อนที่ดวงตาจะเบิกโพลงและนิ้วมือหงิกเกร็ง ร่างกระตุกแรงสองสามครั้งและแน่นิ่งไปในที่สุด 

 

 

 

03:42 AM

 

              เป็นเพราะสายฝนที่ยังตกลงมาทำให้ร่องรอยทุกอย่างถูกชำระไป ศพทั้งสองถูกห่อด้วยเศษผ้าหยาบเท่าที่พอจะหาได้ แม้ดูเป็นการไม่ให้เกียรติคนตายเสียเท่าไหร่ แต่ก็ดีกว่าภาพการแบกศพของชายชุดดำทั้งเจ็ดคน การเดินทางไปยังจุดกำหนดทุลักทุเลเล็กน้อยไม่ช้าจึงไปถึงสถานที่ที่รถตู้ที่จอดเทียบไว้ระหว่างท่าเทียบเรือ 54 และโกดังร้าง เพื่อไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตามแผนการที่ตกลงกันเอาไว้

 

 
             ในรุ่งสร่าง กระแสข่าวครึกโครมในอินเตอร์เน็ตก็เกิดขึ้น  ภาพโกดังร้างที่ไหม้เกรียมเหลือไว้เพียงโครงเหล็กเก่าๆ ถูกแชร์ผ่านเฟสบุ๊คและทวิตเตอร์ โกดังร้างเกี่ยวกับอาถรรพ์ที่ว่าใครเข้าไปแล้วจะไม่ได้ออกมาอีก นักข่าวท้องถิ่นมาทำข่าว รวมถึงการปล่อยข่าวเสริมว่ากลุ่มกองถ่ายไปลองดีและตายในกองเพลิงกลายเป็นผีดิบ 7 ตนเท่ากับบาปทั้งเจ็ด และคอยวนเวียนอยู่ในสถานที่แห่งนั้น           
         
 
 

 
 
 
              ‘คุณฮาร์เปอร์ต้องการอะไรเพิ่มอีกไหมครับ?’ กระดาษโน้ตสีเหลืองซึ่งเป็นสีประจำที่พ่อบ้านของเขาใช้ ถูกยื่นมาให้ก่อนผู้ถูกถามจะยกมือโบกปัดพร้อมเหลือบมองนาฬิกาลูกตุ้มที่หัวมุมห้องที่ตกแต่งแบบเรเนซองส์           
             “กลับได้เลยนะครับ ดึกแล้วอันตราย ถ้าเป็นไปได้คุณก็ขึ้นเเท็กซี่ ในโค้ชของคุณผมใส่ค่ารถไว้ให้แล้ว” ไม่ช้าบรรยากาศของห้องรับรองภายในคอนโดก็เงียบสงัด           
              วาเลนไทน์คือชื่อของพ่อบ้าน พ่อบ้านที่ทำงานเก่งและมีความอดทนสูงกับคนน่าเบื่อและเรื่องมากอย่างเขา วาเลนไทน์พูดไม่ได้หลังจากการผ่าตัดมะเร็งในหลอดลม นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาชอบและวาเลนไทน์ก็รู้ในข้อนี้ดี วาเลนไทน์ที่พูดไม่ได้ เสมือนความรักที่ไร้เสียง           
 
 
 
               มือสีซีดตามที่เคยมีคนบอก หยิบแฟ้มเอกสารภารกิจขึ้นมาอ่านอีกครั้ง ขณะที่สวมชุดเสื้อยืดธรรมดาสีขาวเตรียมปิดเปลือกตาสำหรับคืนนี้               
              ข้อมูลที่จารกรรมมาได้เป็นแผนภาพการเข้าสำรวจของคนชุดดำ มีการค้นหาและทำลายข้าวของข้างใน มีคลื่นพลังงานถูกปล่อยออกมาโดยเวลาที่ปล่อยนั้นไม่เป็นระบบ และช่วงระยะเวลาการปล่อยคลื่นไม่เท่ากัน อีกทั้งแหล่งพลังงานที่เกิดไม่สามารถระบุพิกัดที่แน่นอนได้ สันนิฐานว่าเป็นแหล่งพลังงานสำคัญที่ใช้ผลิตอาวุธในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง การค้นหาไม่สามรถหาต่อไปได้เพราะพื้นที่ถูกระเบิดทำลายไปเรียบร้อยแล้ว และคาดว่า 0-8-4 ในภารกิจนี้แบ่งออกเป็นสามกรณีคือ ถูกทำลายไปแล้ว ยังอยู่ที่เดิมแต่ไม่สามารถไปค้นหาได้ในเวลานี้ หรือถูกขนย้ายไปแล้วจากกองกำลังไม่ทราบฝ่าย บวกกับข้อมูลการวินิจฉัยสาเหตุการตายของชายชุดดำทั้งสอง พวกเขาตายด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน

           วางเอกสารรายงานบนโต๊ะภายในห้องนอนแล้วหรี่ไฟภายในห้องให้เหลือเพียงเเสงสลัว กดเลือกชุดเพลงอย่างที่ทำประจำทุกคืน 

           “ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์สถิตในสวรรค์ พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ พระอาณาจักรจงมาถึง พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์”

            กล่องเสียงสั่นเป็นระรอกคลื่น บังเกิดบทสวดภาวนาที่สวดประจำทุกวัน แข่งกับเสียงเพลงภายในห้องนอนที่ดังกระหึ่ม

 

 

“โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น…”
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“อาเมน”
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 
 
 
กระดูกกระทบ
หลุมศพสะท้อน
แว่วเสียงเพลงหลอน
คนจรไร้นาม
 
Rattle his bones
Over the stones
It’s only a pauper
Who Nobody owns  
 
** ยกแบบแปลตามเล่มไทยมา 
**  เวิ้นเว่อไปตามยถากรรม 

 

 

 

 

สามาถติดตามและอ่านภารกิจของสมาชิกทีมที่น่ารักได้ที่

 

h2i43bMZ_400x400

Tech Expert : Mateo Murakami

Administrator : Quentin Sullivan

X_VT9HzK_400x400

Biochemist : Zack GORE Eldridge

LyE9EysB_400x400

Biochemist : Nathan Connor

ABXnRoqo_400x400

Field Officer : Erik Law

GAhOQRrI_400x400

Specialist : Alistair Lerwick

[EX- SHIELD] MICHAEL A. HARPER

 avatar.org

 

BpsHIeo-Recovered

 

 

 

 

Given Name           : Michael

Middle Name         : Amun-Ra

Family name          : Harper

Gender                     : Male

Age                             : 37

Height / Weight    : 189/91

Citizenship             : American

Blood Type             : B

Race                          : Caucasian

Place of birth        : Norway 

Hair Color / Eye Color :  Blonde / Grey

 

 

 

 

Background 
  • เป็นเกย์(bisexual)
  • ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกเมื่ออายุ 5 ปี ความจำเสื่อมไม่ทราบว่าพ่อแม่ของตนเป็นใคร
  • เป็นเด็กกำพร้าและถูกอุปการะจากหลวงพ่อที่โบสถ์แห่งหนึ่งในกรุงวอชิงตัน โดยที่หลวงพ่อไม่ยอมปริปากบอกอะไรให้เขาได้รู้เลย
  • ยามเด็กได้ฉายแววทางด้านการคิดค้นและประดิษฐ์โดยของที่ออกแบบโดยเขาจะมีสัญลักษณ์ดอกกุหลาบอยู่กลางไม้กางเขน
  • เขาสามารถทำให้ยอดบริจาคของโบสถ์สูงขึ้น
  • ความสัมพันธ์กับหลวงพ่อนั้นมากกว่าผู้อุปการะ พวกเขารักกัน แต่มิสามารถอยู่ร่วมกันได้เพราะขัดกับทางศาสนา
  • เมื่ออายุ 17 จะไปศึกษาต่อยังนครวาติกัน แต่เกิดเหตุหลวงพ่อตายอย่างลึกลับเพราะรู้เกี่ยวกับชาติกำเนิดของมิคาเอล
  • เขาเปลี่ยนใจ ตามหาพ่อแม่ตัวเอง
  • เมื่ออายุ 18 กลายเป็นพวกเร่ร่อนไปอยู่กับอันธพาลและค้ายา มีความสามารถในการประกอบอาวุธ จึงถูกพ่อค้าอาวุธสงคราม(เป็นกลุ่มค้าอาวุธที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด)นำไปเลี้ยงดู
  • เรียนทางด้านวิศวกรรมและเป็นพ่อค้าอาวุธเถื่อน
  • เมื่ออายุ 22 ปี ผู้อุปการะเสียชีวิตหลังจากการปะทะในการส่งมอบอาวุธให้กลุ่มแบ่งแยกดินแดนในอิสราเอล
  • เมื่ออายุ 25 ปี ถูกจับโดยหน่วยชีลด์ฐานเป็นพวกค้าอาวุธร้ายแรง
  • มีความสามารถจึงถูกดึงตัวมาเข้าร่วมหน่วยงาน
  • เคยสืบตามหาอดีตของตัวเองแต่ก็หยุดชะงักไว้เพราะกลัวจะเป็นความจริงที่รับไม่ไหวจึงคิดว่าปล่อยมันไว้แบบนั้นก็ดีแล้ว

 

Personality

  •  จริงจังในเวลาทำงานชอบความพร้อม
  • เจ้าระเบียบ
  • เงียบขรึม
  • ชอบความสะดวกสบาย
  • ยืดหยุ่นได้ถ้าเหตุผลและผลประโยชน์นั้นสมเหตุสมผล
  • เกลียดสิ่งมีชีวิตที่ดูแลตัวเองไม่ได้
  • รักสงบ
  • ชอบฟังดนตรีคลาสสิคพร้อมกับจิบไวน์รสเลิศ
  • Indy
  • ก็แอบซกมกบ้าง
  • ไม่สามารถนอนหลับในที่มืดและเงียบได้ จำเป็นต้องเปิดไฟสลัว,เพลง หรือโทรทัศน์ทิ้งเอาไว้ก่อน จึงจะนอนหลับได้

 

Weapon

  •  คาตานะคู่
  • ปืนคู่แบบพิเศษสีขาว(เรียกชื่อว่าอดัม)/ดำ(เรียกชื่อว่าอีฟ) ขนาด .454 casullถูกออกแบบมาให้ใช้กับกระสุนเจาะเกราะหัวชนิดพิเศษตามสีของหัวกระสุน (สีแดง : หัวระเบิด / สีน้ำเงิน : ปล่อยกระแสไฟฟ้า/ สีขาว : ยาสลบ / สีดำ : มียาพิษ)

 

Skill

  •  การโจมตีแบบประชิดด้วยดาบอาศัยควารวดเร็วตามจุดตายของคู่ต่อสู้แบบรวดเดียวจบ(โดยส่วนตัวแล้วมีความรักสงบจึงไม่นิยมใช้ความรุนแรงมากเท่าใดนัก นอกเสียจากการเอาจริงนั้นคือมีจุดประสงค์ให้ตาย)
  • อคิโด
  • ถนัดการวางแผนเพื่อผลระยะยาว

 

 Other
  •  เวลาเครียดมักสูบบุหรี่
  • พบเห็นได้ตามบาร์เกย์ทั่วไป
  • ชอบเตะฟุตบอล(แมนๆ ถอดเสื้อเตะบอลคุยกันครับ)

 

 

@AEGIS_Michael