MISSION 1 : 0-8-4 [MISSION IMPOSSIBLE]

 

avatar.org

 

 

 

 

Team H

บริเวณท่าเรือในแมนฮัตตัน มีรายงานว่ามีวัตถุซึ่งน่าจะเป็น 0-8-4 ถูกซุกซ่อนไว้ภายใน โกดังมีลักษณะเป็นโกดังเก็บของร้างซึ่งมีขนาดเป็นสองเท่าครึ่งของขนาดปกติ ภายในโกดังมีเครื่องจักรในการขนย้ายสินค้าและชั้นเก็บสินค้าอยู่จำนวนมากซึ่งทั้งหมดไม่ได้รับการบำรุงรักษามาเป็นระยะเวลานานแล้ว ด้านในสุดของโกดังเป็นส่วนของสำนักงานซึ่งถูกปิดตายประตูไว้ อนุญาตให้เข้าค้นภายในได้

0-8-4 มีความสามารถในการปล่อยคลื่นความถี่ต่ำ ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิต

คำแนะนำ : แบ่งทีมค้นหาภายในตัวโกดังและส่วนสำนักงาน จะสามารถค้นหาได้รวดเร็วกว่าไปค้นหาพร้อมกัน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหัวหน้าทีมและสมาชิก

 

 

 

 

 

 

BXN0259X_02.tif

 

อุปกรณ์สำหรับการเข้าค้นหาวัตถุหมายเลข 0 – 8 – 4 จากการวิเคราะห์ของแผนกไบโอ
  • เครื่องตรวจสอบแหล่งกำเนิดคลื่น 2 เครื่อง โดยที่ตัวเครื่องจะประมวลผลข้อมูลทั้งหมดที่เก็บรวบรวมได้ส่งให้กับไบโอเคมิสต์ (คอนเนอร์) ที่ประจำการในแลปวิจัยเคลื่อนที่เพื่อสรุปผลส่งต่อมายังแต่ละ่หน่วยทีมที่ลงไปค้นหาวัตถุ
  • โดยทุกทีมจะได้รับจอโฮโลแกรมแบบพกพาเพื่อรับข้อมูลในระหว่างการค้นหา ( ทั้งหมด 3 เครื่อง )
  • เครื่องวิเคราะห์และระดับความถี่คลื่น สำหรับแยกประเภทคลื่นที่บันทึกได้ในเวลานั้น และวัดระดับความถี่คลื่นเพื่อระบุเป้าหมายที่กำลังสืบค้น ( ทั้งหมด 3 เครื่อง )
  • โดรนสำรวจ 6 ตัว เพื่อค้นหา และเก็บชิ้นส่วนตัวอย่างของวัตถุดังกล่าวเพื่อนำมาทดลองทางวิทยาศาสตร์ก่อนหาวิธีที่เหมาะที่สุดในการเคลื่อนย้ายออกจากสถานที่ดังกล่าว 

*(ในกรณีที่ไม่สามารถเก็บตัวอย่างออกมาตรวจสอบได้ ฝ่ายไบโอเคมิสต์จำป็นต้องลงไปตรวจสอบวัตถุดังกล่าวด้วยตัวเอง)

  • เครื่องมืออุปกรณ์สำหรับเคลื่อนย้ายวัตถุต้องสงสัย  แต่เนื่องจากยังไม่สามารถระบุขนาด และรูปร่างของวัตถุได้ อาจจำเป็นต้องติดต่อขออุปกรณ์ดังกล่าวภายหลัง

 

 

 

 

 

 

แผนการหลบหนี จากแผนก Tech Expert

  • สถานการณ์ปกติ : ใช้รถตู้ไป-กลับ ระหว่างท่าเทียบเรือ 54 และโกดังร้าง
  • สถานการณ์ฉุกเฉิน : มีรถเก๋งสองคันและมอเตอร์ไซค์หนึ่งคันจอดอยู่ไม่ห่างจากโกดังร้าง มีกุญแจรีโมทให้ไว้กับแต่ละทีม
  • ใช้เส้นทางตามที่ใส่ข้อมูลไว้ให้ในสมาร์ทโฟน เป็นเส้นทางที่แยกย้ายกันไป และไปรวมตัวกันที่สถานที่ลับ ที่นัดหมายกันไว้ เพื่อบินเฮลิคอปเตอร์กลับทริสเกเลี่ยนพร้อมกัน
  • สถานที่นัดหมายกรณีฉุกเฉิน : ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ชั้นที่ 42 ของอาคาร Goldman Sachs Tower อยู่ฝั่งนิวเจอร์ซีย์ อีกฟากของแม่น้ำฮัดสัน จะมีเจ้าหน้าที่ของชีลด์รออยู่ที่นั่น ที่ลิฟต์ตัวที่ 36 ให้ไปถึงที่หมายตามเวลาที่หัวหน้าจะนัดหมายไว้ล่วงหน้า

         หมายเหตุ : ถ้าจำเป็น เจ้าหน้าที่แมทเธโอสามารถเข้าไปแฮ็คระบบสัญญาณไฟจราจรได้ เตรียมการไว้พร้อม

 

 

 

 

 

 

photo ww1

 

 

แผนตรวจสอบ 0-8-4 แผนกภาคสนาม 

                          Alpha team         : M. Harper + E. Zack       รับผิดชอบ พื้นที่โซน 1

                          Beta team           : E. Law + M. Murakami   รับผิดชอบ พื้นที่โซน 2

                         Delta team           : A. Lewick + Q. Sullivan  รับผิดชอบ พื้นที่โซน 3

                             HQ                     : N. Corner สำรวจเส้นทางอยู่ข้างนอกเผื่อมีเหตุฉุกเฉิน

 

 

 

 

 

กระดูกกระทบ

หลุมศพสะท้อน

แว่วเสียงเพลงหลอน

คนจรไร้นาม

( ผจญภัยในสุสาน : The Graveyard Book )

 

 

 

01:23 PM

 

           โปสเตอร์ขนาด A3 สีซีดเต็มไปด้วยรอยยับยู้ยี้ปลิวสบัดไปตามสายลมของของอ่าวแมนฮัตตัน ดวงตาสีเหล็กอ่านทวนมันอยู่หลายครั้ง ผจญภัยในสุสาน เด็กพวกนั้นยกเพลงกล่อมเด็กสมัยโบราณมาใช้แต่มิได้ให้เครดิตแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องที่ดีที่เด็กพวกนี้ยังอ่านหนังสืออยู่บ้าง แม้จะไม่รู้ว่าต้นตอที่มาของเพลงนี้มาจากบทกวีประท้วงสังคม The Pauper’s Drive  ของโทมัส นูเอล ตีพิมพ์ในหนังสือ Rymes &  Roundelayes หน้า 200-201

 ‘Rattle his bones over the stones, He’s only a Pauper, whom nobody owns’

             มิคาเอล อมุนราห์ ฮาร์เปอร์ เจ้าหน้าที่ภาคสนามควบตำแหน่งหัวหน้าทีมเอช ตวัดสายตาสำรวจเด็กหนุ่มทั้งสองที่อายุไม่น่าจะถึง 18 ปี หนึ่งในสองเท้าข้อศอกกับตัวเคาท์เตอร์ ใบหูมีรอยแดงสดใหม่จากการระเบิดหู ซึ่งไม่น่าถูกหลักอนามัยนักเพราะบัดนี้มันกำลังบวมและเป็นสีม่วงจางๆ

             ณ บาร์ขนาดเล็ก กลิ่นเหม็นฉุนอวนไปทั่ว ทำให้สีผมแดงจัดและเขียวจัดอันแห้งเสียของเด็กหนุ่มทั้งสองไม่น่ามองไปชั่วขณะ ใบหน้าของพวกเขาซูบตอบจนเห็นสันกรามและโหนกแก้มชัดเจน ดวงตาลึกโบ้บวกกับริมฝีปากแห้งแตกสีคล้ำบางครั้งมันทำให้นึกถึงหัวกระโหลก  นิ้วมืออันมีคราบเหลืองสกปรกของเพื่อนผมแดงเคาะโต๊ะไม่เป็นจังหวะจนเหงื่อออกชุ่มมากจนดูผิดปรกติ ขณะที่เด็กหนุ่มผมเขียวกำลังแสดงท่าทีไม่ยี่หระและขยันขันแข็งในการจัดขวดเครื่องดื่มตามชั้นบาร์แต่เหลือบหางตามาเป็นระยะ เสื้อผ้าเนื้อหยาบส่งกลิ่นสาปฉุนแม้สีสันของมันจะดูใหม่ พวกเขากล้าพูดคุยแม้ไม่กล้าจ้องสบมาตรงๆ และบางครั้งแสดงอาการกระตุกอย่างเห็นได้ชัด ทว่านั้นไม่ใช่ประเด็นที่น่าสนใจนัก …. พวกข้างถนน แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่พวกสมองขี้เลื่อย

              “เฮ้ลุง!! ตกลงเอาไง?” หลังจากการเจรจา ด้วยเหตุว่าพวกเขาเป็นเจ้าของโปสเตอร์ โกดังร้างที่อยู่บริเวณท่าเทียบเรือหมายเลข 54 แหล่งเที่ยวสยองขวัญแห่งใหม่และเรื่องเล่าใหม่ของอ่าวแมนฮัตตัน แม้ว่าจะเป็นสถานที่เดิมๆ เเต่งเสริมเติมเรื่องลงไปทำให้ดูน่าเชื่อถือทั้งที่ไม่น่าเชื่อถือ พวกเขาอวดอ้างสรรพคุณของตัวเองนั้นรู้จักสถานที่แม้หลับตาเดินก็ยังได้ แต่พวกเขาไม่สามารถพาเยี่ยมชมโกดังร้างในเวลากลางคืนได้เพราะอาถรรพ์ที่ว่า ‘เมื่อท้องฟ้าเป็นสีดำสนิทหากใครเข้าไปแล้วจะไม่ได้กลับออกมาอีก’ ดังนั้นถึงแม้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปตอนกลางคืน

              ดูท่าวันนี้ภารกิจของทีมเอชจะไม่ได้อะไรมากนัก นอกจากฝึกทักษะการแสดงนิดหน่อย และเสียเวลาต่อปากต่อคำกับเด็กพวกนี้ กระทั้งยี่สิบนาทีที่แล้วที่พวกเขาโชว์ภาพที่อ้างว่าถ่ายจากกล้องฟิล์มของนักท่องเที่ยวที่.. ลืมกล้องไว้ในบาร์
              ฮาร์เปอร์ หยิบภาพถ่ายที่นอนนิ่งขึ้นมาพิจารณา ภาพนั้นคล้ายกับมีรังสีประหลาดแผ่กระจายออกมารอบๆ ตัวโกดังจากกลุ่มพลังงานบางอย่าง และดูท่าจะไม่ใช่ภาพตัดต่อแต่อย่างใด
             “มีใบเดียว?”
             “แน่น๊อนน แผ่นฟิล์มหายไปแล้ว เชื่อซื้อขนมกินได้ไม่มีใครโกหก อย่างน้อยก็ไม่โกหกพวกลุงๆ เฮ้!! อย่าเอาพวกผมไปบูชายันต์นะ ผมรู้จักกับตำรวจนะจะบอกให้!!!” นำ้เสียงเจื้อยแจ้วแม้บอกว่ากลัว ระคนเสียงหัวเราะพร้อมกับการบุ้ยใบ้ไปยังสมาชิคทีมที่เหลือ ที่นั่งออกันเต็มพื้นที่ของเคาท์เตอร์บาร์
            “5,000 ดอลล่าร์ ถ้าลุงอยากได้” คงเพราะใบหน้าที่แสดงอารมณ์จัดเจนของผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นหัวหน้าทีม ทำให้ถูกฟันราคายับเยินและเขาเองก็ไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด หนำซ้ำเขายังยอมวางบัตรประชาชนปลอมๆ ไว้เป็นหลักฐานค้ำประกันการเบี้ยวเงิน ฮาร์เปอร์หยิบภาพเข้ากระเป๋าเสื้อโค้ชสีเทาจางพร้อมกับยิ้มให้เด็กทั้งสอง
             “รอที่นี่” หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและพยักหน้าให้สมาชิคทีมที่เหลือ “เดี๋ยวจะมีคนเอาเงินมาให้” ก้าวเท้าออกจากมายังนอกร้านเพื่อรับอากาศสดชื่น ปลายนิ้วกดโทรออกยังสถานบำบัดผู้ติดยา
 

 

 

 

04:00 AM

 

              แรงยกเกิดขึ้นเมื่อใบพัดเฮลิคอปเตอร์หมุน แว่นกันแดดไม่ได้ถูกหยิบมาสวม เมื่อทัศนวิสัยภายนอกยังมืดสนิท ที่นั่งข้างของฮาร์เปอร์ถูกจับจองด้วยเจ้าหน้าที่ภาคสนามของชีลด์คนหนึ่ง เผื่อเหตุฉุกเฉินที่เขาไม่สามารถขับเฮลิคอปเตอร์อีกต่อไปได้ เบื้องหลังคือลูกทีมทั้ง 6 คน ประกอบไปด้วย
              มุราคามิ จากแผนก Tech Expert เด็กหนุ่มที่เปิดตัวด้วยคำว่าไม่มั่นใจและหวาดกลัว แต่ดูท่าจะไม่ใช่ในเมื่อเขาแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาชัดเจนหลายต่อหลายครั้งทำให้รู้สึกว่าน่าเอ็นดูอยู่กลายๆ
             เอลดริดจ์ เจ้าหน้าที่แผนกไบโอผู้ไม่สุงสิงกับใครถ้าไม่ใช่เรื่องงานจะค่อนข้างเงียบ แต่ก็ยังมีความคิดแปลกๆ ว่ามีคนที่แปลกกว่าตัวเขาเอง
             เลอร์วิค เจ้าหน้าที่ภาคสนามผู้เคร่งเครียดและอาจจะมากเกินไป
             ลอว์จากแผนกภาคสนามและซันลิเเวนแผนก Administrator ทั้งสองคงไปด้วยกันได้ดีเพราะมีโลกอันสดใสอยู่ตรงหน้าและรอบตัว
             ส่วนอีกคน คอนนอร์จากแผนกไบโอ ……ผู้ลึกลับ
             พวกเขาได้รับแจกอาวุธเป็นปืนสองกระบอก กระบอกแรกเป็นเพียงปืนไฟฟ้าเนื่องจากในคำสั่งปฏิบัติภาระกิจนี้ไม่ประสงค์ให้มีผู้เสียชีวิต กระบอกที่สองคือปืนพกเก็บเสียงเผื่อกรณีฉุกเฉินและอาจจะต้องฝ่าฝืนคำสั่ง ชุดออกภาคสนามสีดำสำหรับสวมใส่ในเวลากลางคืน พร้อมชุดกันกระสุน ระเบิดควันคนล่ะ 2 ลูก อุปกรณ์ติดตามคนล่ะตัวซึ่งเป็นกระดุมเม็ดเล็ก และสุดท้ายคือเอกสารที่ทุกคนกำลังง่วนศึกษาอย่างขมักเขม่น
             จากข้อมูลแผนเข้าสำรวจบริเวณอ่าวแมนฮัตตัน ณ โกดังร้างที่มีรายงานว่าพบวัตถุต้องสงสัย อยู่บริเวณท่าเทียบเรือหมายเลข 54 ที่ตั้ง 11th Ave. (at 13th St.)
            : ท่าเทียบเรือหมายเลข 54 หรือที่เรียกอีกชื่อว่า ท่าเทียบเรือเชลซี เป็นท่าเทียบเรือที่ไม่ใช้งานแล้ว ปัจจุบันเหลือแค่ส่วนโค้งตรงทางเข้าท่าเรือเท่านั้นที่บ่งบอกให้รู้ว่านี่คือท่าเรือสำคัญในอดีต แต่ยังสามารถนำเฮลิคอปเตอร์ลงจอดได้ โดยเฉพาะตอนกลางคืนจะไม่เป็นที่สังเกตุมากนัก หรือจะทำเป็นถ่ายทำภาพยนตร์บังหน้าก็ได้ มีกองถ่ายภาพยนตร์มาใช้งานบ่อย และมีถนนที่เชื่อมต่อกับท่าเรือที่สามารถให้นำยานพาหนะอื่นไปจอดเตรียมไว้ได้อีกด้วย
           : ตัวท่าเทียบเรือ 54 เอง ก็มีรายงานว่ามีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ในอดีตเป็นท่าเทียบเรือของสายการเดินเรือคูนาร์ด ที่เรือคาร์พาเทียนำผู้โดยสารจากเรือไททานิคที่จมมาส่งขึ้นฝั่ง และเป็นท่าเทียบเรือที่ปล่อยการเดินทางคร้ังสุดท้ายของเรือลูซิทาเนีย ก่อนจะอัปปางลงเนื่องจากถูกยิงในระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
           : ท่าเทียบเรือ 54 ถูกไฟไหม้ในปี 1932 จนเลิกใช้งานไปพักใหญ่ และถูกทุบทิ้งในปี 1991 จนเหลือแต่ส่วนโค้งหน้าทางเข้าตามรูปข้างต้น และเลิกใช้งานเป็นการถาวร
           : โกดังร้างอยู่เลยขึ้นไปทางเหนือประมาณหนึ่งกิโล เดิมเป็นโกดังเก็บของของบริษัทของเล่นแห่งหนึ่ง แต่ถูกทิ้งร้างโดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด โดยยังมีเครื่องจักรในการขนย้ายสินค้าและชั้นเก็บสินค้าอยู่จำนวนมากซึ่งทั้งหมดไม่ได้รับการบำรุงรักษามาเป็นระยะเวลานานแล้ว ด้านในสุดของโกดังเป็นส่วนของสำนักงานซึ่งประตูถูกปิดตายไว้
           : โกดังแห่งนี้ มีพื้นที่กว้างกว่าโกดังปกติประมาณสามเท่า และมีสามชั้น
               ชั้นล่าง เป็นส่วนของ Pedestal of Mirrors
               ชั้นที่สอง เป็นส่วนของชั้นวางสินค้า Abandoned Merchandise
               ชั้นที่สาม เป็นส่วนของสำนักงานที่มีบันไดเวียนแคบๆสำหรับเดินขึ้นไป
              ดังนั้นคำสั่งจากเขาจึงให้ลูกทีมแต่ล่ะคนทำตัวให้เหมือนพวกกองถ่ายมาถ่ายทำภาพยนต์เพื่อไม่ให้เป็นจุดสังเกตมากนัก หากมีบุคคลสงสัยถามให้ตอบไปว่า
              • นักแสดง extra คือตัวฮาร์เปอร์เอง (เอกสารวางปูมหลังกำกับเพื่อช่วยให้เข้าถึงบทบาทในการปลอมตัวและตอบคำถาม : คุณชายหน้าตาดีลูกคนเดียวของบ้านที่เบื่อชีวิตหรูหราจึงออกมาใช้ชีวิตแบบบ้านๆ หาเงินเอง)
              • ผู้กำกับคือมิสเตอร์เอลดริดจ์ (แจก เอกสารวางปูมหลังกำกับเพื่อช่วยให้เข้าถึงบทบาทในการปลอมตัวและตอบคำถาม : ผู้กำกับของกองถ่าย ตอนเด็กเติบโตมาอย่างลำเค็ญ หวังจะถ่ายหนังอินดี้เพื่อส่งเข้าประกวดเมืองคานส์)
              • มิสเตอร์เลอร์วิค คนขับรถของกองถ่าย ทำงานจับฉ่ายบางครั้งควบบทผู้กำกับกับฝ่ายสถานที่ (แจก เอกสารวางปูมหลังกำกับเพื่อช่วยให้เข้าถึงบทบาทในการปลอมตัวและตอบคำถาม : ทหารพรานวัยปลดระวางผันตัวเองมาทำหนังเพื่อชีวิตแต่ไปไม่รอด เปลี่ยนงานหลายครั้งจนกลายมาเป็นคนขับรถ ความฝันสูงสุดคืดพรมแดงของเทศกาลหนังเมืองคานส์)
              • มิสเตอร์มุราคามิและมิสเตอร์ซัลลิเเวน แผนกช่างไฟ และงานกรรมกรจิปาถะ (แจก เอกสารวางปูมหลังกำกับเพื่อช่วยให้เข้าถึงบทบาทในการปลอมตัวและตอบคำถาม : สองคนนี้เป็นเด็กในชนบทที่เป็นเพื่อนสนิทกันและรักหลงไหลในเรื่องเหนือธรรมชาติและวิทยาศาสตร์เคยลงขันกันเพื่อไปศึกษามนต์ดำที่เขมร)
              • คอสตูม มิสเตอร์คอนนอร์ (แจก เอกสารวางปูมหลังกำกับเพื่อช่วยให้เข้าถึงบทบาทในการปลอมตัวและตอบคำถาม : เกย์หนุ่มไฟแรงที่จับพลัดจับพลู่มาตกระกำลำบากกับกองถ่ายนี้ด้วยความจำเป็นที่จะต้องใช้เงิน ชอบกระดกนิ้วเวลาดื่มน้ำ)
              • ผู้จัดการส่วนตัว มิสเตอร์ลอว์ (แจก เอกสารวางปูมหลังกำกับเพื่อช่วยให้เข้าถึงบทบาทในการปลอมตัวและตอบคำถาม : เด็กหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นเบ้ส่วนตัวมากกว่าผู้จัดการ ประวัติไม่แน่ชัดอาจจะถูกนักแสดงสมทบตกมาจากบาร์โทรมๆสักแห่ง)
              เมื่อรับเอกสารไปครั้งแรก บางคนทำหน้าขบขัน บางคนทำหน้าประหลาดใจระคนสงสัย หรือบางคนทำหน้าขยาด และดูเหมือนบางคนจะดูสนุกสนานไปกับมัน
 

             ภารกิจ 0-8-4 ทำให้สมาชิกทีมเอชตระเวนสอบถามและตรวจสอบข้อมูลไปรอบอ่าวแมนฮัตตันด้วยการสมอ้างเป็นกองถ่ายหนังอินดี้เกี่ยวกับผีแวมไพร์ และเมื่อเวลา 01:23 PM จึงพบกับโปสเตอร์ทัวร์โกดังผีสิงเฉพาะกลุ่มของวัยรุ่น และจากคำให้การพอจับใจความได้ว่า

                    ในตอนกลางคืนมีแสงวูบวาบออกมาจากโกดัง 
                     มีเสียงบรรเลงเพลงที่เขาว่ากันว่ามาจากนรก 
                     มีเสียงหวีดร้องและมีการถ่ายภาพติดวิญญาณ 
                    ใครที่เข้าไปแล้วจะไม่ได้ออกมาอีก
            เมื่อเช็คให้แน่ใจว่าตรงกับข้อมูลที่มี ไม่รอช้าพวกเขาจึงตามหาเจ้าของโปสเตอร์และเจอกับบาร์เล็กๆ แห่งนั้น เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว จึงได้ดำเนินการตามแผนการของเลอร์วิค ด้วยการแบ่งสมาชิกทีมลงสำรวจพื้นที่พร้อมกับ โดรนทีมล่ะสองตัว สำหรับแผนการเคลื่อนย้ายวัตถุต้องสงสัยและเจ้าหน้าที่ชีลด์ออกจากสถานที่ให้ดำเนินตามแผนของมุราคามิ 

 

 

 

07:30 PM

 

             มันตั้งตะหง่าอยู่เบื้องหน้าด้วยสีทะมึนทึน ใหญ่โตและสงบนิ่ง รวมถึงบรรยากาศอันเงียบงันโดยรอบ ไม่มีแสงไฟที่เล็ดรอดออกมาหรือวี่แววของสิ่งมีชีวิต แสงไฟอันริบหรี่จากถนนไม่ช่วยอะไร และดูท่าจะถูกดูดกลืนหายเข้าไปในความมืดในเวลาอันรวดเร็ว
             ชุดสีโทนสว่างถูกพับไว้อย่างเรียบร้อยแล้ววางมันลงยังกระเป๋ารูดซิบปิด ผมสีทองอ่อนถูกรวบตึงเก็บไว้เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนไหว รองเท้าคอมแบทสีดำสนิทเคลื่อนไหวไปมาบนพื้นคอนกรีต ขณะท้องฟ้าสีแดงก่ำกำลังเปลี่ยนเป็นสีดำด้วยมวลเมฆที่กลืนกินไปอย่างรวดเร็ว ราวกับสลัดม่านสีดำพาดผ่าน ซึ่งเข้ากับชุดภาคสนามที่กำลังสวมใส่  ‘เมื่อท้องฟ้าเป็นสีดำสนิทหากใครเข้าไปแล้วจะไม่ได้กลับออกมาอีก’
             พวกเขาเช็คอุปกรณ์ทุกอย่างว่าพร้อมแล้ว ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าหัวหน้าจึงให้สัญญาณการออกสำรวจ และให้ทุกคนกลับมาพบกันที่จุดนัดพบเวลา 09:00 PM
            แทบจะทันทีเมื่อย่างเหยียบเข้าไปในบริโกดังร้าง อากาศก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน เริ่มจากเสียงหวีดร้องเล็กๆ กระแสลมเย็นที่เริ่มเลียบพื้นขึ้นมาตามแนวกระดูกสันหลัง ชวนให้ขนลุก ก่อนประตูเหล็กจะดังกึกกักเพราะเเรงปะทะของสายลมที่รุนแรงขึ้น หากเป็นเด็กชายสักคนคงจะร้องกระจองอแงหรือเรียกร้องหาไม้กางเขนสักอันให้อุ่นใจ แต่หาใช่เขาไม่ เขาเชื่อในพระเจ้า แต่ไม่เคยเชื่อในเรื่องของวิญญาณหรือภูติผี เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจูดาสคงกลับมาหาเขาเเล้ว
            มุมปากคลี่ยิ้มน้อยๆ ขณะอ่านพิกัดและข้อความรายงานตัวของลูกทีมแต่ล่ะคน จากแผนปฏิบัติฮาร์เปอร์จับคู่ทีมค้นหากับเอลดริดจ์ พวกเขาได้เข้าสำรวจในพื้นที่โซน 1 โดยผู้ทำหน้าที่ใช้โดรนคือคนของแผนกไบโอ ส่วนตัวฮาร์เปอร์เองเป็นคนคอยคุ้มกัน 
           พระจันทร์หลังม่านเมฆสีกาฬคล้อย การสำรวจยังไม่พบสิ่งใดนอกจากความมืดและเสียงลม โดรนตัวแรกถูกส่งไปสำรวจตามชั้นหน้าต่าง แม้ว่าพื้นที่จะมืดแต่เมื่อปรับสายตาให้ชินก็พอมองเห็นได้ พวกเขาเดินง่วนกันอยู่ในชั้นที่ 1 ทุกอย่างปรกติดี กระทั้งมีวัตถุบางอย่างเคลื่อนผ่านหน้าจอโฮโลแกรมแบบพกพา มีเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นตามหลัง พวกเขาทั้งสองชะงักก่อนเคลื่อนตัวผ่านความเงียบเข้าไปหลบในแถบชั้นวางของเก่าๆ ก่อนที่เสียงแปลกปลอมจะเงียบไปจึงเริ่มขยับตัวใหม่ พลันเสียงนั้นก็กลับมาอีก พร้อมลำแสงส่องกระพริบไปมาและเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว และใกล้เข้ามาเรื่อยๆ 
            แว่นตาจับคลื่นพลังงานถูกหยิบขึ้นมาสวม พลันความมืดรอบตัวก็หายไป เขายืนสงบนิ่งเฝ้ามองกลุ่มพลังงานสีของสิ่งมีชีวิตเคลื่อนผ่าน มนุษย์ พวกเขามองหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมายและปล่อยให้สองคนนั้นเดินผ่านไป ก่อนพยักหน้าให้สัญญาณและเริ่มติดตามพวกนั้นไปช้าๆ โดยทิ้งระยะห่างเอาไว้สามเมตร 
           ทั้งสองคนเป็นผู้ชายสูงราวหกนิ้ว ท่อนขาอันแข็งแรงก้าวเร็วขณะสาดแสงไฟฉายไปทั่ว คล้ายกับจะบอกว่ารีบทำให้มันจบไป มีครั้งหนึ่งที่ชายคนเตี้ยกว่ายกมือขึ้นปาดเหงื่อทั้งที่อากาศหนาวเย็น โดยไม่ทันตั้งตัวแสงไฟก็สว่างขึ้นมาตรงหน้าก่อนจะมีเสียงของหล่นกระแทกขึ้น 
           กระบอกไฟฉายที่หล่นจากมือกลิ้งมากระทบข้อเท้าแล้วม้วนตัวไปมาสี่ห้าครั้งก่อนสงบนิ่ง เสียงสถบทดังมาแต่ไกล ดวงตาสีเหล็กมองผ่านคลื่นรังสี การเคลื่อนไหวของมนุษย์ทั้งสองทำให้เขาหลบไปในมุมมืดของซอกชั้นวางของโดยไม่ลืมฉวยเอาไฟฉายไปด้วย 
          ตรงจุดนี้ไม่กว้างเกินไปหรือแคบเกินไปสำหรับซ่อนตัว มันจะเป็นสถานที่อันเหมาะเจาะหากทางเดินลึกเข้าไปไม่ใช่ทางตัน ตู้ถูกผลักมากองกันจากทั่วสารทิศ หากจะพังออกไปไม่ใช่เรื่องยากแต่ผลที่ตามมาคงไม่สวยนัก และฟ้าฝนคงไม่เป็นใจสำหรับแผนการสำรวจครั้งนี้ เมื่อพื้นยางของรองเท้าเหยียบลงไปยังเนื้อพลาสติกของตุ๊กตาตัวหนึ่ง เป็นเหตุให้ต้องก้มมอง ผมสีแดงของมันมีรอยขาดเป็นกระจุกขณะที่มือสองข้างกางออกในท่าเตรียมตรึงกางเขนหรือรอโอบกอดด้วยความรัก มันยิ้มแป้นขณะส่งเสียงตามแบบฉบับตุ๊กตาเด็กเล่น
         “ฉิบหายย!!” 
          ไม่ใช่เสียงของเขา แม้มันจะใช้เป็นเสียงพูดแทนสถานการณ์ตอนน้ีได้ และน้ำเสียงนั้นหยาบกระด้างเกินไปที่จะเป็นของเอลดริดจ์อีกด้วย 
         “ผี!!”
        “ผีไม่มีจริง!!!!”
        “แล้วเมื่อกี้จะเป็นเสียงของอะไร!!!!”
        “ก็ไปดูด้วยกันสิวะ!!”
       “ไปดูคนเดียวสิวะ!!!!”
       “จะขึ้นเสียงทำไมวะเฮ้ย!!!!”
         แม้ไม่เห็นท่าทางการสนทนาก็พอเดาได้ว่ามีการฉุดกระชากลากถูกันไปมา จนอดไม่ได้ต้องสงสัยว่าผู้ว่าจ้างกลุ่มคนพวกนี้คิดอะไรอยู่ถึงเอาพวกสมองขี้เลื่อยมาลงภาคสนาม 
        “แต่.. แต่ไฟฉายไม่มี”
        “ช่างแม่ง ถ้าไม่มาก็รอตรงนี้!!!”
       “เดี๋ยว!!! รอด้วยย!!!”
        เป็นไปตามคาดเมื่อฝีเท้าพวกเขาเข้ามาใกล้ พวกมันมากันสองคน และทั้งสองก็เป็นพวกชอบแหกปากเสียงดังเสียด้วย มีให้เลือกอยู่สองทางคือจัดการเงียบๆ หรือกระแทกตู้ให้หล่นทับแล้วเริ่มเปิดฉาก หากเป็นแบบนั้นจริงแผนการสำรวจในวันน้ีคงต้องล่มเพราะคนที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้า แต่ไม่มีอะไรจะเสีย ฮาร์เปอร์มองไฟฉายที่ยังอยู่ในมือสลับกับผู้ร่วมทีมย่อยอีกคนสองสามครั้ง 
        ลำแสงจากกระบอกไฟเปิดปิดไปมาหลายครั้งเหมือนส่งรหัสมอสประกอบเสียงพายุด้านนอก เปิดกระพริบไปมาก่อนจะฉายส่องไปยังทิศตรงข้ามที่มีกองตุ๊กตาขาดด้วยฝีมือของหนู เสียงกังวานของฝีเท้าหยุดชะงัก ตุ๊กตาพลาสติกตัวเดิมยังแน่นิ่งอยู่ใต้เท้าแล้วมันก็ถูกเตะออกไปข้างนอก เพียงชั่วพริบตากลุ่มชายชุดดำผู้ขวัญอ่อนจะวิ่งกระเจิงล้มลุกคลุกคลานหายไปกับความมืด ฮาร์เปอร์มองกระบอกไฟฉายในมือนิ่ง ไม่ช้าข้อความรายงานจากทีมย่อยที่เหลือก็ถูกส่งมา เนื้อหาใจความว่าด้วยเรื่องที่เห็นพ้องต้องกัน 
 

 

 

10:00 PM 

 
          สันนิฐานแรกคือกลุ่มคนพวกนี้เป็นพวกปล่อยข่าวเรื่องผีของโกดัง แต่ต่อมากลับไม่ใช่ เมื่อพวกเขาแสดงท่าทีหวาดผวากับเสียงการเคลื่อนไหว หรือแม้กระทั่งของตกเพราะลมพัด ทีมเอชจากแผนผู้เข้าสำรวจบัดนี้กลายเป็นผู้บุกรุกหมายเลขสอง หลังจากประชุมและสรุป แผนการทั้งหมดจำเป็นต้องล้มเลิกเพราะเกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด แผนสำรองของสถานการณ์ถูกหยิบมาใช้  และบัดนี้พวกเขาตั้งตัวเป็นผู้ช่วงชิง
  •  มุราคามิพร้อมกับเลอร์วิคเข้าไปขโมยข้อมูลในแลปท๊อปของพวกเขาที่ ตั้งอยู่ด้านตัวอาคารสำนักงานใหญ่ชั้น 3 ในห้องที่รับข้อมูลมากว่าถูกปิดตายเอาไว้ จากการสำรวจพบว่ามันถูกเปิดออกและใช้เป็นแหล่งประชุมใหญ่ของกลุ่มทีมคนชุดดำ และเพราะเป็นส่วนที่อยู่ลึกจึงมียามเฝ้าประตูเพียงสองคนและผลัดเวรกันทุกสามชั่วโมง และเพราะอยู่ในส่วนลึกและมีบรรยากาศวังเวงจึงไม่ค่อยมีใครอยากเข้าไปภายในห้องเท่าใดนัก
  • เอลดริดจ์กับลอว์ซัลลิแวนให้ตามกลุ่มทีมหาอีกกลุ่มที่อยู่ชั้น 2 เผื่อเข้าใกล้ 0-8-4 และตรวจสอบว่าเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้หรือไม่ และให้นำอุปกรณ์ตรวจสอบความถี่คลื่นเตรียมมาไปใช้ด้วย
  • ฮาร์เปอร์และคอนนอร์อีกให้สำรวจรอบๆ พื้นที่และชั้น 1 เพื่อคุ้มกันเปิดทางการหลบหนี และคอยรับไฟล์และแบ็คอัพข้อมูลสำรองเอาไว้
          ทั้งนี้ผู้เป็นหัวหน้ายังสั่งการให้ลูกทีมสร้างความปั่นป่วนเล็กๆ น้อยๆ เรื่องภูติผีเพิ่มประสบการณ์เสียวในชีวิตแก่พวกชายชุดดำ 
 

 

 

01:30 AM

 
           ภายในโกดังมืดสนิท อาการเย็นยะเยียบเพราะพายุฝน คอนนอร์ถูกสั่งการให้จัดเก็บไฟล์ข้อมูลที่ทีมย่อยส่งมา เขานั่งบนโต๊ะบริเวณชั้นเก็บของที่กองทับถมซึ่งเป็นจุดลับตาและแถวชั้นของตู้โชว์ช่วยบดบังเเสงจากจอคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี 
           ฮาร์เปอร์ มองเวลาของเข็มนาฬิกาบนข้อมือ ก่อนจะสวมแว่นตาอินฟาเรดอีกครั้งและกวาดสายตาไปรอบๆ ตรวจสอบความเคลื่อนไหวภายในโกดังและคุ้มกันให้ลูกทีมนี่คือภารกิจของเขาในตอนนี้ เขาอยู่ในท่าเตรียมพร้อมขณะที่นั่งอยู่บนซากตู้โชว์ของเก่าๆ ที่ค่อนข้างเเข็งแรง  ก่อนหน้านี้ไม่กี่นาทีมุราคามิส่งข้อความและไฟล์ที่จารกรรมมาและเลอร์วิคปลอดภัยดี ฮาร์เปอร์ส่งสัญญาณมือให้กับลูกทีมที่อยู่ข้างล่างเพื่อเตรียมตัวออกจากที่นี้ 
           เข็มนาฬิกาเดินผ่านความมืดและเสียงฝนภายนอก มีบางครั้งที่กระแสลมจะลอดตัวผ่านช่องว่างเข้ามาให้รู้สึกหนาวเย็น และเป็นบางครั้งที่เสียงลมกระโชกแรงบวกกับเสียงฟ้าผ่าจะเกิดขึ้นในบริเวณใกล้ๆ แต่นั้นไม่ใช่สาเหตุเสียงของการสั่นไหวของพื้นและเพดานเหนือหัวขึ้นไปในตอนนี้
            เสียงอึกทึกระคนเสียงปืนดังสนั่นไปตามแนวบันไดเวียนและลามลงมาชั้นล่าง เมื่อมองผ่านสีสันของแว่นอินฟาเรด สีจากอุปกรณ์ติดตามทำให้รู้ว่าเป็นลูกทีมของเขาสองคนกำลังงุ่นง่านวิ่งนำกลุ่มผู้ตามติดมาอีกเจ็ดคน ฮาร์เปอร์กรอกตาพลางนึกย้อนไปยังแฟ้มประวัติส่วนบุคคลของเลอร์วิค เจ้าหน้าที่ภาคสนาม เขายกสัญญาณมือขึ้นอีกครั้งเพื่อบอกคอนนอร์ให้รอก่อนและอยู่เฉยๆ ปล่อยให้พวกนั้นวิ่งจนกว่าจะเข้ามาอยู่ในจุดที่เขากำหนดเพื่อนัดพบกันเสียก่อน  
           เสียงกระสุนดังตามหลังมาติดๆ เมื่อมุราคามิเป็นลูกทีมคนสุดท้ายที่วิ่งเข้ามา ฮาร์เปอร์คว้าระเบิดควันที่พกไว้ใต้เข็มขัดเเล้วโยนลงไป้างล่าง เกิดกลุ่มหมอกควันสีเทาจางๆ แล้วขึ้นสีเข้มเรื่อยๆ  และด้วยความรักและความห่วงไยของ มิช้าสองขาจึงดีดตัวลงมาและบรรจงถีบลูกทีมผู้น่าเอ็นดูของเขากระเด็นออกไปให้พ้นวิถีกระสุน
           มันมีข้อแตกต่างระหว่างถูกคนรู้จักหรือไม่รู้จักถีบ เพราะอย่างน้อยถ้าถูกคนรู้จักถีบ .. .ถ้าคุณเป็นอะไรไปผมก็ยังสามารถพาคุณไปโรงพยาบาลได้
           ส่งสัญญาณมืออีกครั้งให้คอนนอร์ลากมุราคามิไปยังจุดปลอดภัย ให้เหลือพื้นที่เอาไว้สำหรับเขาและเลอร์วิคเพียงสองคน
          “คุณเอาไปสามแล้วเปิดทางให้คนที่เหลือ” บอกแค่นั้นและไม่มีเวลาหันไปสนใจสิ่งใดอีก เมื่อมีเพื่อนใหม่ตรงหน้า หากเป็นบทหนังเวลานี้เขาคงกำลังเข้าฉากต้องสู้สำหรับสี่ต่อหนึ่ง แม้จะไร้แสงไฟหรือไฟฉายเพื่อส่องสว่างแต่ก็หาได้มีผลต่อกลุ่มชายชุดดำไม่ เพราะดูเหมือนว่าม่านตาทั้งสี่คู่ได้ปรับเข้ากับความมืด พร้อมหันปลายกระบอกปืนสี่กระบอกมาทางเขา
          ในชั้นล่างพวกมันมีกันเจ็ด และทราบจำนวนแน่ชัดผิดกับกลุ่มของเขา ที่พวกมันยังไม่รู้แน่ว่ามีกันกี่คน ประเมินด้วยสายตากับท่าทีลังเลจะพุ่งเข้ามาและยังเกาะกลุ่มกันไว้ ดังนั้นแทนที่จะเลือกปะทะเข้าตรงๆ ฮาร์เปอร์เลือกเลือนหายไปกับความมืด เหยียบย้ำฝีเท้าให้เกิดเสียง เฝ้ามองความเป็นไปอย่างผู้ล่า กระบอกไฟฉายที่ติดตัวมาถูกนำมาใช้ประโยชน์เพื่อฉายแสงล่วงตำแหน่ง
          เมื่อเกิดความปั่นป่วนภายในฝูง สัตว์ตัวที่ตื่นตระหนกและแตกฝูงมักถูกจัดการเป็นตัวแรก และชายที่นอนนิ่งแทบเท้าก็เช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้ไม่กี่นาทีที่กระบอกปืนในมือหยาบกร้านส่ายไปมาพร้อมสองขาที่ก้าวเดินอย่างหัวเสีย ก่อนจะถูกฟาดเข้าที่จุดตายท้ายทอยอย่างจัง
          เมื่อสัตว์ในฝูงหายไปหนึ่งความระแวงระวังภัยจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว ชายชุดดำเกาะกลุ่มกันเหนียวแน่นเพื่อต่อสู้กับสิ่งที่มองไม่เห็น กระป๋องสีที่ตกอยู่ตามชั้นถูกกลิ้งเข้าไปหาก่อนผู้ลงมือทำจะหลบไป ตามด้วยเสียงกระสุนที่ดังขึ้นมาตามติดๆ ไม่ช้าลูกปืนก็หมดแม็ก สิ่งเดียวที่ยังพอทำได้คือพาสองขาวิ่งกลับจุดปลอดภัย และแล้วเวลาของการไล่ล่าของจริงก็เริ่มขึ้น
           กระสุนมีอยู่จำกัดข้อนี้เขารู้นี้ เมื่อมองผ่านภาพรังสีความร้อน กระสุนไฟฟ้าก็ทะยานออกไปตามแรงโน้มถ่วงแล้วตกแบบโปรเจคไทร แม้ว่าวันนี้เขาจะไม่ได้พาอดัมและอีฟออกมาเที่ยวเล่นก็ตามที แต่ปืนที่ใช้ก็ถือว่าเหมาะมือในมาตรฐานของคำว่า’พอทน’
          ท่ามกลางเสียงแหวกอากาศของลูกกระสุน ทำนองคีตาไม่คุ้นหูก็ดังขึ้น ตามมาด้วยแสงสีขาวสว่างจ้า แต่ยังไม่มีใครหยุดขยับการเคลื่อนไหว และบัดนี้เหมือนกับว่าพวกเขาทั้งหมดกำลังย้อนไปในเด็กที่วิ่งเล่นท่ามกลางสวนสนุกคลอไปด้วยเพลงเสียงหวาน และเมื่อผ่านทางตรงบันไดเสียงที่ได้ยินก็ดังกว่าเดิม
          พวกมันหนีรอดไปได้สองเพราะการเสียสละของเพื่อนตัวใหญ่ที่เลิกวิ่งแล้วหันมาเผชิญหน้า ต้นทางถูกเปิดไว้เรียบร้อยพร้อมกับสัญญาณรายงานตัวของลูกทีมที่ดังราวกับจะบอกว่าหมดเวลา เหลือเพียงการวิ่งไปยังประตูทางออก แต่ก่อนหน้าต้องผ่านชายร่างใหญ่ที่ยืนขวางทางออกไป และคงจะเป็นธรรมเนียมว่าการสู้ตัวต่อตัวนั้นห้ามใช้อาวุธ ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจึงโยนกระบอกปืนทิ้งให้พ้นทางแล้วตั้งท่าในท่าเตรียม
           ฝั่งตรงข้ามเริ่มต้นด้วยท่าง่ายๆ ด้วยการปล่อยมัดออกมาธรรมดา ทำให้เขาย่อตัวหมุนเข้าไปหาอย่าง 180 องศาพร้อมกับฟันศอกก่อนคว้าต้นคอหนาและแขนเพื่อจับทุ่ม ฮาร์เปอร์ปล่อยให้ชายชุดดำโซเซลุกขึ้นมาเพื่อเริ่มใหม่
         “โอกาสยังมีนะครับ” กล่าวสุภาพราวกับเป็นการซ้อมกีฬาทั่วไปพร้อมรอยยิ้มที่ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะเห็นหรือไม่ เพราะอุปกรณ์ที่พกมาทำให้ได้เปรียบในการมองเห็นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะโต้กลับ เขาทำเพียงรอให้อีกฝ่ายขยับตัวและตอบโต้เท่านั้น
           ในจังหวะสองขาที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อถูกแตะตวัดเมื่อเท้าหน้าลงน้ำหนักเพื่อก้าว ชายชุดดำล้มลงแล้วตวัดตัวขึ้นมาใหม่ก่อนจะคว้าเอาท่อนเหล็กอันเย็นชืดขึ้นมา สันของมันได้ฟาดเข้ากับใบหน้าอย่างจัง
           “สักทีเถอะ!!” น้ำเสียงแหบห้าวดังมาดูหงุดหงิดไม่น้อย แม้มองไม่เห็นก็รู้สึกได้ถึงรสเค็มของเลือดในปาก มุมปากปวดตุบ แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าวัตถุเย็นแวววาวในข้อมือฝ่ายตรงข้ามที่ครูดผ่านใบหน้าไป แม้จะเป็นเพียงระยะสั้นๆ สร้อยข้อมือหนาม? 
                สันกรามขบเป็นนูนสัน ชั่วพริบตามือใหญ่ยันกำแพงเพื่อใช้เป็นที่รับแรงพร้อมด้วยการม้วนตัวกระโดดถีบอีกฝ่ายจนล้ม แล้วพุ่งเข้าไปล๊อคคอเอาไว้ ท่อนแขนข้างหนึ่งบีบรัดต้นคอแน่นราวกับคีบขณะอีกฝ่ายทำการตอบโต้ด้วยการจิกข่วนและทุบตีกลับ มืออีกข้างดึงคอเสื้อเพื่อให้ชายผ้าสีมืดแนบไปกับลำคอเพื่อปิดทางเดินของเส้นเลือดใหญ่ที่ไปเลี้ยงสมอง และเมื่อเขาแน่นิ่งไปฮาร์เปอร์จึงใช้ชายผู้น้ีเป็นโล่มนุษย์ป้องกันอันตรายจากผองเพื่อนของพวกเขาเอง
             แสงสว่างยังคงฉาดฉายมาต่อเนื่องราวกับแสงเฟลชถ่ายภาพและยิ่งปล่อยไว้เป็นเวลานานความเข้มของแสงดูจะมากขึ้นตามไปด้วย มันทำให้เกิดความมึนงงไปชั่วขณะ เสียงร้องระงมของชายชุดดำเริ่มบรรเลงแข่งกับเสียงเพลงที่มีอยู่ก่อน การต่อสู้เริ่มเป็นไปอย่างยากลำบาก และดูท่าทีมเอชจะได้เปรียบเพราะสวมแว่นตาอินฟาเรด และไม่กี่นาทีต่อมาพวกเขาเหล่านั้นจะตัดสินใจหนีมากกว่าอยู่เพื่อสู้ต่อ 
             ระเบิดขนาดผลลูกส้ม จากอีกฝั่งถูกปาออกมาพร้อมๆ กันเมื่อหัวหน้าทีมฝั่งตรงข้ามส่งสัญญาณ แรงอัดกระแทกและเปลวเพลิงพวยพุ่งมาตามหลังในไม่ช้า ปลายลิ้นร้อนไหลขึ้นแตะเพดาน กองกระดาษและชั้นวางของไปทั่ว แสงสีส้มเหลืองขับไล่สีดำมืดออกไปให้พ้นทาง โอบกอดทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในอ้อมแขนเพื่อหลอมละลายไปด้วยกัน ไม่ช้าโกดังร้างสีทมิฬก็ลุกโชนไปด้วยเปลวไฟ 
             เมื่อมีแรงอัดของระเบิดฮาร์เปอร์ล๊อคคอชายในอ้อมแขนไว้แน่นราวกับคนรักที่ไม่ต้องการพรากจากกันอีก และใช้เขาคนนั้นเป็นที่กำบังแรงอัดจากเศษสิ่งของอีกที ชายชุดดำดูแน่นิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะถูกเตะข้อพับให้ล้มลงแล้วมัดด้วยเชือกปอที่ควานหาได้ในบริเวณนั้น ฮาร์เปอร์ฉุดรั้งกระชากร่างชายผู้สิ้นท่าขึ้นมาแล้วลากให้กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปสมทบกับลูกทีมที่เหลือขณะที่กองเพลิงยังลุกโชนอยู่เบื้องหลัง
             ‘หากมีเหตุปะทะผมอยากจับเป็น’ 
             หลังจากพ้นจากม่านเขม่าควันตรงทางออก เขาพบลูกทีมที่เหลือและชายชุดดำอีกหนึ่ง กำลังอยู่ในท่าคุกเข่ามือไพล่หลังนั่งบนพื้นคอนกรีต เป็นเรื่องน่ายินดีเมื่อผู้ร่วมทีมจำคำพูดของเขาได้หรืออย่างน้อยก็คิดได้ว่าควรจับเป็นพวกฝั่งตรงข้ามมา ฮาร์เปอร์จัดการส่งชายที่จับมาได้ลงไปนั่งกับคนที่นั่งอยู่ก่อนจะได้ไม่เหงา 
            “มีอะไรอยากพูดไหมครับ?” น้ำเสียงถูกถ่ายทอดออกไปเสมือนคำถามธรรมดาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ชายชุดดำทั้งสองมองนิ่งไปข้างหน้าไม่ปริปากเอ่อถ้อยคำใดๆ ก่อนที่ดวงตาจะเบิกโพลงและนิ้วมือหงิกเกร็ง ร่างกระตุกแรงสองสามครั้งและแน่นิ่งไปในที่สุด 

 

 

 

03:42 AM

 

              เป็นเพราะสายฝนที่ยังตกลงมาทำให้ร่องรอยทุกอย่างถูกชำระไป ศพทั้งสองถูกห่อด้วยเศษผ้าหยาบเท่าที่พอจะหาได้ แม้ดูเป็นการไม่ให้เกียรติคนตายเสียเท่าไหร่ แต่ก็ดีกว่าภาพการแบกศพของชายชุดดำทั้งเจ็ดคน การเดินทางไปยังจุดกำหนดทุลักทุเลเล็กน้อยไม่ช้าจึงไปถึงสถานที่ที่รถตู้ที่จอดเทียบไว้ระหว่างท่าเทียบเรือ 54 และโกดังร้าง เพื่อไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตามแผนการที่ตกลงกันเอาไว้

 

 
             ในรุ่งสร่าง กระแสข่าวครึกโครมในอินเตอร์เน็ตก็เกิดขึ้น  ภาพโกดังร้างที่ไหม้เกรียมเหลือไว้เพียงโครงเหล็กเก่าๆ ถูกแชร์ผ่านเฟสบุ๊คและทวิตเตอร์ โกดังร้างเกี่ยวกับอาถรรพ์ที่ว่าใครเข้าไปแล้วจะไม่ได้ออกมาอีก นักข่าวท้องถิ่นมาทำข่าว รวมถึงการปล่อยข่าวเสริมว่ากลุ่มกองถ่ายไปลองดีและตายในกองเพลิงกลายเป็นผีดิบ 7 ตนเท่ากับบาปทั้งเจ็ด และคอยวนเวียนอยู่ในสถานที่แห่งนั้น           
         
 
 

 
 
 
              ‘คุณฮาร์เปอร์ต้องการอะไรเพิ่มอีกไหมครับ?’ กระดาษโน้ตสีเหลืองซึ่งเป็นสีประจำที่พ่อบ้านของเขาใช้ ถูกยื่นมาให้ก่อนผู้ถูกถามจะยกมือโบกปัดพร้อมเหลือบมองนาฬิกาลูกตุ้มที่หัวมุมห้องที่ตกแต่งแบบเรเนซองส์           
             “กลับได้เลยนะครับ ดึกแล้วอันตราย ถ้าเป็นไปได้คุณก็ขึ้นเเท็กซี่ ในโค้ชของคุณผมใส่ค่ารถไว้ให้แล้ว” ไม่ช้าบรรยากาศของห้องรับรองภายในคอนโดก็เงียบสงัด           
              วาเลนไทน์คือชื่อของพ่อบ้าน พ่อบ้านที่ทำงานเก่งและมีความอดทนสูงกับคนน่าเบื่อและเรื่องมากอย่างเขา วาเลนไทน์พูดไม่ได้หลังจากการผ่าตัดมะเร็งในหลอดลม นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาชอบและวาเลนไทน์ก็รู้ในข้อนี้ดี วาเลนไทน์ที่พูดไม่ได้ เสมือนความรักที่ไร้เสียง           
 
 
 
               มือสีซีดตามที่เคยมีคนบอก หยิบแฟ้มเอกสารภารกิจขึ้นมาอ่านอีกครั้ง ขณะที่สวมชุดเสื้อยืดธรรมดาสีขาวเตรียมปิดเปลือกตาสำหรับคืนนี้               
              ข้อมูลที่จารกรรมมาได้เป็นแผนภาพการเข้าสำรวจของคนชุดดำ มีการค้นหาและทำลายข้าวของข้างใน มีคลื่นพลังงานถูกปล่อยออกมาโดยเวลาที่ปล่อยนั้นไม่เป็นระบบ และช่วงระยะเวลาการปล่อยคลื่นไม่เท่ากัน อีกทั้งแหล่งพลังงานที่เกิดไม่สามารถระบุพิกัดที่แน่นอนได้ สันนิฐานว่าเป็นแหล่งพลังงานสำคัญที่ใช้ผลิตอาวุธในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง การค้นหาไม่สามรถหาต่อไปได้เพราะพื้นที่ถูกระเบิดทำลายไปเรียบร้อยแล้ว และคาดว่า 0-8-4 ในภารกิจนี้แบ่งออกเป็นสามกรณีคือ ถูกทำลายไปแล้ว ยังอยู่ที่เดิมแต่ไม่สามารถไปค้นหาได้ในเวลานี้ หรือถูกขนย้ายไปแล้วจากกองกำลังไม่ทราบฝ่าย บวกกับข้อมูลการวินิจฉัยสาเหตุการตายของชายชุดดำทั้งสอง พวกเขาตายด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน

           วางเอกสารรายงานบนโต๊ะภายในห้องนอนแล้วหรี่ไฟภายในห้องให้เหลือเพียงเเสงสลัว กดเลือกชุดเพลงอย่างที่ทำประจำทุกคืน 

           “ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์สถิตในสวรรค์ พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ พระอาณาจักรจงมาถึง พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์”

            กล่องเสียงสั่นเป็นระรอกคลื่น บังเกิดบทสวดภาวนาที่สวดประจำทุกวัน แข่งกับเสียงเพลงภายในห้องนอนที่ดังกระหึ่ม

 

 

“โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น…”
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“อาเมน”
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 
 
 
กระดูกกระทบ
หลุมศพสะท้อน
แว่วเสียงเพลงหลอน
คนจรไร้นาม
 
Rattle his bones
Over the stones
It’s only a pauper
Who Nobody owns  
 
** ยกแบบแปลตามเล่มไทยมา 
**  เวิ้นเว่อไปตามยถากรรม 

 

 

 

 

สามาถติดตามและอ่านภารกิจของสมาชิกทีมที่น่ารักได้ที่

 

h2i43bMZ_400x400

Tech Expert : Mateo Murakami

Administrator : Quentin Sullivan

X_VT9HzK_400x400

Biochemist : Zack GORE Eldridge

LyE9EysB_400x400

Biochemist : Nathan Connor

ABXnRoqo_400x400

Field Officer : Erik Law

GAhOQRrI_400x400

Specialist : Alistair Lerwick

ใส่ความเห็น